ย้อนไปเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้นำของตระกูลชายชีวินลิขิต มหาเศรษฐีแดนอีสาน ถูกลอบยิง ก่อนจะเสียชีวิต พินัยกรรมมรดกพันล้านกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุร้ายที่ทยอยเกิดขึ้นกับคนในตระกูลนี้
โศกนาฏกรรมของตระกูลหนึ่ง เริ่มก่อตัวขึ้นในวันนั้น วันที่กระสุนปืนปริศนาถูกยิงเข้าใส่ผู้นำตระกูล “ชายชีวินลิขิต” เมื่อเดือนมีนาคม 2548 ที่กรุงเทพมหานคร นายชีวิน ชายชีวินลิขิต หรือเสี่ยเย่ง เศรษฐีแห่งเมืองชุมแพ จ.ขอนแก่น ถูกลอบยิงในขณะขับรถกลับบ้านพักย่านทาวน์อินทาวน์ เขตวังทองหลาง พร้อมกับภรรยาคนที่ 6 หรือซ้อเล็กของตระกูล นอกจากธุรกิจหลายอย่างที่ชุมแพ ซึ่งสร้างเม็ดเงินนับพันล้านให้กับตระกูลชายชีวิตลิขิต เสี่ยเย่งยังขยายการเติบโตสู่เมืองหลวงด้วยธุรกิจอาบอบนวด ซึ่งนั่นอาจเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่ทำให้เขาถูกดักสังหาร
แต่ดวงยังไม่ถึงฆาต นายชีวิน รอดชีวิตจากการถูกลอบยิงครั้งนั้น เขาจึงวางแผนอนาคตสำหรับคนในตระกูล ที่มีภรรยาถึง 6 คน ลูก 8 คน นั่นเป็นที่มาของพินัยกรรมสำคัญของตระกูลชายชีวินลิขิต พินัยกรรมที่จะเป็นแผนที่สำคัญให้กับคนในครอบครัวในยามที่เขาจากไป พินัยกรรมที่จะส่งต่อมรดกนับพันล้านให้อยู่ยงยืนนาน และเป็นประโยชน์ที่สุดกับคนในตระกูลให้สมกับที่เขาสร้างมากับมือ โดยเฉพาะธุรกิจที่ขอนแก่น พินัยกรรม ที่น่าจะสร้างความรัก กลมเกลียว ของคนในตระกูลให้เป็นหนึ่ง แต่นั่นจะเป็นไปดังเจตนารมณ์ของนายชีวินหรือไม่
“เมื่อความรักไม่อาจแทนที่ทรัพย์สมบัติ มรดก ตระกูลหนึ่งต้องเผชิญกับฝันร้ายที่รุนแรงถึงขั้นชีวิต อะไรคือปมสำคัญ ใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ผู้ทำให้ทรัพย์สมบัติของตระกูล กลายเป็นมรดกเลือด”
นายชีวิน ชายชีวินลิขิต หรือเสี่ยเย่ง มีภรรยา 6 คน และบุตร 6 คน ได้แก่ นางพเยาว์ ชายชีวินลิขิต ขณะนี้อาศัยอยู่ต่างประเทศ มีลูก 1 คน คือ นายนาวิน ชายชีวินลิขิต หรือเสี่ยอ๊อด ภรรยาคนที่ 2 นางอรัญญา เหลืองแสงธรรม หรือ เจ๊หงส์ มีลูก 2 คน คือ นางกานดา ชายชีวินลิขิต และนายเนวิน ชายชีวินลิขิต หรือ เสี่ยกล้า ภรรยาคนที่ 3 นางศิรินธร แซ่โอ๊ว มีลูก 1 คน คือ น.ส.ดาวิน ชายชีวินลิขิต ภรรยาคนที่ 4 นางธนพร ชายชีวินลิขิต มีลูก 3 คน คือ นายรัฐธีร์ ชายชีวินลิขิต น.ส.ธัญญรัตน์ ชายชีวินลิขิต และนายชายวิน ชายชีวินลิขิต ภรรยาคนที่ 5 นางสุชาดา ขุ่ยหนองบัว มีลูก 1 คน ภรรยาคนที่ 6 น.ส.เขมิกา ใจจะดี ไม่มีบุตรด้วยกัน ได้ออกจากตระกูลไปมีครอบครัวใหม่
เสี่ยเป็นบุตรชายของพ่อค้าเจ้าของโรงเลื่อย และโรงน้ำแข็ง ใน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ต่อมาขยายกิจการ ทำธุรกิจค้ารถยนต์ โรงแรม ที่ดิน และสถานบันเทิง “ชองเอลิเซ่” ในกรุงเทพมหานคร มีมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองชุมแพมาหลายสมัย หลังถูกลอบยิงที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนมีนาคม 2549 นายชีวิน ชายชีวินลิขิต หรือเสี่ยเย่ง รักษาตัวจากอาการบาดเจ็บนานถึงหนึ่งปี แต่ในที่สุด เขาก็เสียชีวิตลงในปี 2549
เมื่อสิ้นผู้นำของตระกูล พินัยกรรมที่นายชีวินทำไว้ จะเป็นดั่งแผนที่สำคัญว่า ทรัพย์สินนับพันล้าน จะถูกแบ่งสรรให้ภรรยา และลูกๆ อย่างไรบ้าง และวันสำคัญนั้นก็มาถึง วันที่คนในตระกูลชีวินลิขิตเปิดพินัยกรรมอันสำคัญนี้ แต่..ทรัพย์สินมูลค่าพันล้านของตระกูลชายชีวินลิขิต ไม่ได้ถูกแบ่งออกเป็นส่วน กลับให้ทายาทถือครองร่วมกันจนกว่าจะครบร้อยปี โดยให้ใช้เงินดอกผลจากกองมรดก หรือระบบกงสี
ธุรกิจสำคัญของตระกูลชายชีวินในชุมแพ คือ ตัวแทนขายรถยนต์ และโรงแรม ส่วนธุรกิจอาบอบนวดในกรุงเทพฯ ถูกขายเปลี่ยนมือไปแล้ว แต่ในทรัพย์สินเหล่านี้ กลับมีสมาชิกของตระกูลบางคน ถูกตัดชื่อออกจากกองมรดก แต่สาเหตุที่ทำให้สมาชิกครอบครัวกลุ่มนี้โดนตัดชื่อออกมาจากสิ่งใด และมันได้กลายเป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่คนในตระกูลคาดไม่ถึงนับจากนี้หรือไม่ พินัยกรรมของผู้จากไป กลับเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุร้าย ที่ทยอยเกิดขึ้นกับคนในตระกูลนี้
1 มีนาคม 2552 หรือ 3 ปีหลังนายชีวินเสียชีวิต ไม่มีใครกล้าออกมาดูเหตุการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นหน้าร้านเสริมสวย หลังแน่ชัดว่ามือปืนหลบหนีไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ จึงเข้าไปดูยังจุดที่มาของเสียงปืน เจ๊หงส์ หรือซ้อสอง นางอรัญญา เหลืองแสงธรรม ภรรยาคนที่สองของนายชีวิน คือเหยื่อกระสุน ระหว่างมาทำผมที่ร้านเสริมสวยแห่งนี้ในเมืองชุมแพ ซ้อสอง หรือเจ๊หงส์ มีเรื่องบาดหมางกับใครถึงขั้นถูกลอบสังหาร ชนวนเหตุจากเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องของคนในตระกูล
ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 4 ในขณะนั้น มองการตายของซ้อสองน่าจะเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่นายชีวินถูกยิงเมื่อปี 2548 แม้ได้ภาพสเกตช์ของคนร้าย และพอจะรู้ว่านี่เป็นเรื่องในตระกูลชายชีวินลิขิต แต่การสืบสวนถึงมือปืนและคนบงการก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
สิ่งที่ได้จากคดียิงภรรยาคนที่สองของนายชีวิน มีเพียงหัวกระสุน กับพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ความขัดแย้งในตระกูลเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน แต่สมาชิกของตระกูลชายชีวินลิขิต ก็สงสัยแล้วว่า คนบงการคงเป็นคนใกล้ตัวพวกเขา แต่ผ่านไปกว่าหนึ่งปี การติดตามคนร้าย และคนบงการ ยังคงไม่เป็นผล ระหว่างที่คดีนี้กำลังจะถึงทางตัน พลันก็เกิดเหตุร้ายซ้ำสองขึ้น เมื่อลูกชายคนโตของนายชีวิต กับภรรยาคนแรก ถูกดักยิงขณะกำลังเดินทางไปยังอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย นี่เป็นการดักสังหารเหยื่อคนที่สามของตระกูลชายชีวินลิขิต
กงสี คือระบบการทำธุรกิจแบบรวมศูนย์ ส่วนมากครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนมักนำระบบนี้มาใช้ ผลกำไรจากธุรกิจทั้งหมดภายในครอบครัว จะนำมารวมเป็นเงินกองกลาง เพื่อใช้ในการประกอบกิจการ และดูแลสมาชิกในครอบครัว สมาชิกคนใดต้องการนำเงินไปใช้สอยก็ต้องเบิกจากเงินกองกลางนี้
คดียิงนางอรัญญา เหลืองแสงธรรม หรือเจ๊หงส์ หรือซ้อสอง เมื่อ 1 มีนาคม 2552 ยังไม่คืบหน้า แต่อีกเพียงหนึ่งปีถัดมา 9 มิถุนายน 2553 ชะตากรรมของอีกหนึ่งสมาชิกตระกูลชายชีวินลิขิตก็แทบไม่แตกต่างกัน เมื่อนายนาวิน ชายชีวินลิขิต หรือเสี่ยอ๊อด ลูกชายคนโตของเสี่ยเย่งกับซ้อหนึ่ง ถูกคนร้ายดักถล่มด้วยอาวุธสงครามที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย แต่กลุ่มคนร้าย ไม่มีจังหวะซ้ำเพื่อปิดงาน
เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ตำรวจเห็นรอยปริร้าวในตระกูลชายชีวิตลิขิต แม้เสี่ยอ๊อดจะรอดชีวิต แต่ก็เจ็บสาหัส และคนในตระกูล ต่างต้องระวังตัวมากขึ้น ข้อสันนิษฐานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเสี่ยอ๊อดครั้งนี้เชื่อมโยงไปกับประเด็นทางการเมือง ที่ขณะนั้นเสี่ยอ๊อด เตรียมลงสู่สนามการเมืองท้องถิ่น และความขัดแย้งในครอบครัวไม่ต่างจากปมการยิงซ้อสอง แต่การลงมือครั้งนี้ คนร้ายทิ้งเบาะแสไว้ให้ตำรวจตามตัวได้มากขึ้นกว่าเหตุการณ์ยิงซ้อสอง
การสืบสวนยังไม่ทันได้ตัวคนร้าย ถัดมาเพียง 4 เดือน 11 ตุลาคม 2553 เกิดเหตุร้ายขึ้นที่บ้านพักของนายนาวินที่บ้านพักใกล้บึงแก่นนคร ในเมืองขอนแก่น เหตุการณ์นี้ บ่งบอกถึงความเหิมเกริม ทั้งคนร้ายและผู้บงการ ที่พยายามจะจบชีวิตของนายนาวินให้ได้ แต่ใครจะถูกปิดเกมก่อนกัน เพราะตำรวจสืบสวนภาค 4 ได้ส่งสายรวบรวมรายชื่อมือปืนผู้ต้องสงสัยในภาคอีสานได้จำนวนหนึ่งแล้ว มือปืนจะนำไปสู่ผู้จ้างวาน และผู้บงการ
ในเหตุการณ์ยิงซ้อสอง เมื่อปี 2552 ยังมีพยานหนึ่งคนที่จดจำเค้าหน้าของมือปืนได้ และเมื่อตรวจสอบกลับมาที่ประเทศไทย เค้าหน้ามือปืนคดียิงซ้อสองเริ่มมีความเป็นไปได้สูง ชายผู้ต้องสงสัยที่พยานยืนยัน เคยถูกตำรวจลำปาง จับกุมในคดีพกพาอาวุธปืน ปืนขนาด 0.357 ที่ใช้ยิงซ้อสอง ตรงกับปืนของผู้ต้องหา ที่ตำรวจกำลังตามจับ แต่วัตถุพยานสำคัญนี้จะคลี่คลายปมความขัดแย้งทั้งหมดได้หรือไม่ นายมังกร วรสาร หรือกด ถูกออกหมายจับคดีสังหารนางอรัญญา
19 มกราคม 2554 คือวันสิ้นอิสรภาพของมือปืนคนนี้ คำสารภาพของมือปืนรายนี้ เขารับเป็นมือยิงนางอรัญญา หรือซ้อสอง หรือเจ๊หงส์ที่ชุมแพ และร่วมกับกลุ่มมือปืนอีกชุดดักยิงนายนาวิน หรือเสี่ยอ๊อด ที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย รายชื่อผู้ร่วมก่อเหตุในการยิงซ้อสอง และเสี่ยอ๊อดอยู่ในคำสารภาพของมือปืนรายนี้ ซึ่งมีมากกว่า 10 คน
ตำรวจสอบสวนจนรู้ตัวและตามจับผู้ร่วมลงมือได้ทั้ง 3 คดี คดียิงนางอรัญญา ที่ชุมแพ เมื่อปี 2552 มี 4 คน คดียิงนายนาวิน ที่ จ.เลย เมื่อปี 2553 มีกลุ่มมือปืน 7 คน คดียิงถล่มและปาระเบิดบ้านนายนาวิน ที่เมืองขอนแก่น เมื่อปี 2553 มีผู้ร่วมลงมือ 6 คน แต่การก่อเหตุของผู้ต้องหาเหล่านี้ มีเป้าหมายเพื่อสิ่งใดหรือใครกัน ที่เป็นผู้บงการและอยู่เบื้องหลัง เพราะพวกเขารับงานมาจากชายคนหนึ่ง ผู้ซึ่งอาจไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลชายชีวินลิขิตเลยแม้แต่น้อย
ปืน 0.357 แม็กนั่ม เป็นปืนลูกโม่ มีเกลียวในลำกล้อง ซึ่งจะรีดให้กระสุนที่ถูกยิงออกมาหมุนรอบตัวเองเพื่อพุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ การรีดนี่เอง ที่ทำให้เกิดร่องรอยหรือตำหนิบนหัวกระสุน อันเป็นเบาะแสหนึ่งที่ตำรวจนำไปตรวจพิสูจน์หาได้ว่ากระสุนดังกล่าวถูกยิงมาจากปืนกระบอกใด หลังเกิดเหตุร้ายกับคนในตระกูลชายชีวินลิขิตถึง 3 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคน ในที่สุด ต้นปี 2554 ตำรวจจับมือปืนได้ทั้งสามคดี และแม้มือปืนจะไม่สามารถซัดทอดถึงตัวผู้บงการใหญ่ได้ แต่พวกเขาชี้ถึงผู้มาจ้างวานได้ มือปืนที่ร่วมก่อเหตุทั้งสามคดี ต่างสารภาพรับงานและรับเงินมาจากนายตรัย ต่อพันธ์
นายตรัย ต่อพันธ์ เป็นเพียงผู้จ้างวานมือปืน ที่รับงานมาจากใครบางคนที่ยืนอยู่หลังฉากสีเลือดที่ถูกละเลงมาตั้งแต่ปี 2552 แล้วใครคือผู้บงการและคุมเกมมรณะในตระกูลชายชีวินลิขิต ไม่นาน นายตรัย ก็รับสารภาพว่าเขารับงานมาจากใคร ซึ่งนั่นคือผู้บงการที่ยืนอยู่ฉากหลังเหตุร้ายของตระกูลชายชีวินลิขิต ปฏิบัติการติดตามจับกุม ก่อนที่ผู้ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นคนบงการ จะหลบหนี เปิดฉากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ผู้ต้องหาคนสำคัญตามหมายจับคดีสังหารซ้อสอง และดักสังหารเสี่ยอ๊อด หลบหนีไปได้หวุดหวิด แต่เพียงวันถัดมา เธอเข้ามอบตัวที่กองปราบปราม เธอไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นภรรยาคนที่สี่ ของนายชีวิน ผู้ล่วงลับ ซ้อสี่ของตระกูลชายชีวินลิขิต เป็นไปได้อย่างไร ที่นางธนพร ชายชีวินลิขิต ซ้อสี่ ของนายชีวิน หรือเสี่ยเย่ง จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลนี้
หรือนี่จะเป็นปมเหตุแห่งการเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น พินัยกรรมที่นายชีวินหรือเสี่ยเย่งทำไว้ก่อนเสียชีวิต ระบุให้บุตรต่างมารดาสามคนร่วมเป็นผู้จัดการมรดก คือนายนาวิน ชายชีวินลิขิตหรือเสี่ยอ๊อด, นางกานดา ชายชีวินลิขิต และนางดาวิน ชายชีวินลิขิต และในพินัยกรรมนี้ ได้ตัดนางธนพร ชายชีวิตลิขิต หรือซ้อสี่ พร้อมลูกอีก 3 คน ออกจากกองมรดก แต่หลังการเปิดพินัยกรรม คนในตระกูลชายชีวินลิขิต ก็ยืนว่าพวกเขาได้รวบรวมเงิน 300 ล้านบาท ให้นางธนพร และลูกๆ พร้อมกับยกเงินที่ได้จากการขายธุรกิจอาบอบนวดที่กรุงเทพฯ ให้ด้วย
การถูกตัดออกจากกองมรดก นางธนพร จึงฟ้องร้องต่อศาลว่านี่เป็นพินัยกรรมปลอม และขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกใหม่ แต่ไม่ว่าเรื่องราวระหว่างพินัยกรรมนั้นจะเป็นอย่างไร เธอก็ตกเป็นผู้ต้องหาในสามคดีฉกรรจ์ ซึ่งตำรวจจับผู้ต้องหาได้ 14 คน เป็นกลุ่มผู้ได้รับว่าจ้าง 11 คน มีนายตรัย ต่อพันธุ์ เป็นผู้รับงาน นางกิตติยา กนกคุณ หรือเจ๊อ้วน คนสนิทของนางธนพร เป็นผู้ประสานงาน และนางธนพร เป็นผู้จ้างวาน
ปี 2555 ศาลจังหวัดเลย พิพากษาคดียิงนายนาวิน ชายชีวินลิขิต ลูกชายของนายชีวิน ที่ อ.วังสะพุง จ.เลย จำคุกตลอดชีวิตจำเลย 5 คน ซึ่งรวมถึงนางธนพร ชายชีวินลิขิต ผู้จ้างวาน นางนายตรัย ต่อพันธ์ ผู้รับงาน และนางกิตติยา กนกคุณ ผู้ประสานงานกับผู้รับงาน
ในเดือนถัดมา ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาคดีสังหารนางอรัญญา เหลืองแสงธรรม ภรรยาคนที่สองของนายชีวิน ซึ่งถูกยิงที่ชุมแพ ประหารชีวิตจำเลยทั้งหมด 6 คน แต่ในกลุ่มมือปืนและผู้รับงานให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนางธนพร ชายชีวินลิขิต ผู้จ้างวาน และนางกิตติยา กนกคุณ ผู้ประสานงานกับผู้รับงาน คงประหารชีวิต แต่จำเลยทุกคนยื่นอุทธรณ์สู้คดี ในสองคดีนี้ นางธนพร ซ้อสี่ นางกิตติยา คนสนิท และนายตรัยผู้รับงาน ต่างได้ประกันตัวสู้คดีศาลอุทธรณ์
ซ้อสี่ไม่ถูกจัดสรรมรดกให้ หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุสำคัญมาจากความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเสี่ยเย่งและซ้อสี่ที่เกิดความไม่ไว้วางใจกัน จนกลายเป็นต้นเหตุของมรดกเลือดครั้งนี้ เช่นเดียวกับคนขับรถของเสี่ยเย่ง ที่ทำงานอยู่ในตระกูลชายชีวินลิขิตมากว่า 30 ปี เขาเองก็สะท้อนปัญหาที่เคยได้รับรู้ ว่าความขัดแย้งนี้มาจากความสัมพันธ์ของเขาทั้งสอง แต่สำหรับซ้อสองที่คนในครอบครัวระบุว่า เขามีความสันพันธ์สนิทสนมกับซ้อสี่เป็นอย่างดี ทำไมเขาถึงตกเป็นเป้า ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกที่สามารถจัดสรรทรัพย์สินเหล่านี้ได้เหมือนเสี่ยอ๊อด หรือเพราะเขาคือคนที่เสี่ยเย่งให้ความสำคัญ ให้ความรัก และไว้ใจที่สุด
แต่ในปี 2557 เมื่อศาลอุทธรณ์ตัดสินคดี ผู้ต้องหาทั้งสามกลับไม่มาฟังคำตัดสิน พวกเขาหลบหนีไปแล้ว ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดียิงนางอรัญญา เหลืองแสงธรรม หรือซ้อสอง หรือเจ๊หงส์ ตัดสินจำเลยคนอื่นเหมือนศาลชั้นต้น ยกเว้นนางธนพร ซ้อสี่ และนางกิตติยา คนสนิท นั้น ยกฟ้อง โดยให้เหตุผลในคำพิพากษาว่า มีเพียงคำซัดทอดถึงจำเลยสองคนนี้ แต่ไม่มีหลักฐานอื่น จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสอง เช่นเดียวกัน ในคดียิงนายนาวินหรือเสี่ยอ๊อด ที่จังหวัดเลย ศาลอุทธรณ์ ก็พิพากษายกฟ้องนางธนพร และนางกิตติยา ด้วยเหตุผลเดียวกัน
แต่ถึงอย่างไรท้ายคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้ระบุไว้ว่าผู้ต้องหาที่ถูกยกฟ้อง ยังคงต้องถูกขังไว้จนกว่าจะมีคำตัดสินของศาลฎีกา แต่ทุกวันนี้ผู้ต้องหาคนสำคัญอย่างซ้อสี่ และเจ๊อ้วนคนสนิท ยังคงหลบหนีอยู่ด้านนอก ส่วนนายตรัย ก็หนีไม่พ้น หลังหลบหนีได้หลายปี เมื่อกลางปีที่แล้ว เขาถูกสายตรวจนครบาล จับกุมได้ที่กรุงเทพมหานคร
พินัยกรรมที่หวังให้ตระกูลเป็นหนึ่งเดียว แต่ชายคนหนึ่งอาจไม่เคยคาดคิดว่า แค่เพียงเริ่มต้นนับได้ไม่กี่ปีตามพินัยกรรมที่เขาทำไว้นั้น ทรัพย์มรดกที่เคยวาดฝันจะออกดอกผลให้อยู่ยงยืนยาวและเลี้ยงดูลูกหลานเหลนในตระกูลชายชีวินลิขิตไปสักร้อยปี จะกลับกลายเป็นมรดกเลือดไปได้
ขณะนี้คดียังอยู่ในระหว่างรอคำตัดสินของศาลฎีกา แต่ช่วงเดือนมิถุนายน 2559 กลับมีข่าวลือว่าคดีสังหารนางอรัญญา เหลืองแสงธรรม หรือเจ๊หงส์ ศาลฎีกาได้ตัดสินยกฟ้องซ้อสี่และเจ๊อ้วนยืนตามศาลอุทธรณ์ นางธนพร ชายชีวินลิขิต ฟ้องร้องพินัยกรรมเป็นเท็จ ซึ่งศาลตัดสินยกฟ้อง ส่วนคดีขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกทั้ง 3 คน ศาลตัดสินให้ถอดถอนตามคำร้อง ปัจจุบันสมาชิกครอบครัวชายชีวินลิขิตที่เหลือได้สานต่อธุรกิจของครอบครัวต่อไป. -สำนักข่าวไทย