23 ตุลาคม 2559 08:50 น.  ชุมพร – ทหาร มทบ.44 ทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ มีเงินหมุนเวียน 10 – 20 ล้านบาท พบบัญชีจ่ายส่วยเดือนละกว่า 5 หมื่นบาท ให้เจ้าหน้าที่รัฐ และนักข่าวท้องถิ่นรวม 10 คน3

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 22 ต.ค.59 พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 พ.ท.สะอาด พาหา หน.ฝขว.กอ.รมน.สย.1 พ.ต.เอกพล ธำรงโชติ นายทหารฝ่ายข่าว ร.ท.เสน่ห์ นุ่มพรมทอง หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบ ร.ท.ชาญณรงค์ ทองแก้ว อัยการผู้ช่วยศาล มทบ.44 ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยได้เชิญตัว นายชาตรี หวีเกศ หรือ แต อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 5 ตำถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ หัวหน้าแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ในจังหวัดชุมพรและประจวบคีรีขันธ์ พร้อมลูกน้องในสายงานเงินกู้นอกระบบประกอบด้วย นายณัฐพล โพธิ์ขวาง หรือนิว อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี นายสาธิตย์ เส็งแดง หรือรุ่ง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290 หมู่ที่ 3 ตำบลธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท นายสมรักษ์ วิชัยรัมย์ หรือรักษ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 หมู่ที่ 10 ตำบลชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก นายสุวิทย์ เหมือนการ หรือโจ๊ก 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/4หมู่ที่ 4 ตำบลพลวงสองนาง อ.สว่างอามรณ์ จ.อ่างทอง มาสอบสวนหลังจากมีชาวบ้านจำนวนมากร้องเรียนมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามทำร้ายจนหวาดกลัวไปทั่ว

4

โดยนายชาตรี หัวหน้าแก๊ง ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทหารเป็นอย่างดี จนขยายผลไปควบคุมตัว น.ส.อมรา แซ่ตั้ง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/2 ถนนสุนทรสถิตย์ ตำบลอุทัยใหม่ อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นฝ่ายเก็บรวบรวมเงินและทำบัญชีได้เช่าห้องพักอยู่ชั้น 2 อาร์พาสเม้นท์พิศาลแมนชั่น เขตเทศบาลเมืองชุมพร และ นำตัวไปตรวจค้นสำนักงานซึ่งเป็นบ้านเช่าอยู่ในกรมหลวงซอย 12 ถนนปรมินทรมรรคา เขตเทศบาลเมืองชุมพร ทั้ง 2 จุดเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเอกสารโพยรายชื่อลูกค้า คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 2 เครื่อง เงินสดจากแก๊งเงินกู้รวม 672,548 บาท ทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง สมุดคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ขนาด 150 ซีซี จำนวน 20 เล่ม และโพยรายชื่อจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนักข่าวรวม 10 รายชื่อ เป็นเงินเดือนละกว่า 5 หมื่นบาท

ระหว่างการสอบปากคำได้มีลูกหนี้เงินกู้นอกระบบกว่า 10 ราย มาชี้ตัวยืนยัน ว่า ต้องเสียดอกเบี้ยเป็นรายวันร้อยละ 20 บาท หากจ่ายเงินไม่ตรงเวลาจะไม่สามารถผัดผ่อนได้ก็จะถูกแก๊งดังกล่าวข่มขู่คุกคามจะทำร้ายต่างๆนาๆจนหวาดกลัวต้องอยู่อย่างหลบซ่อนจนต้องมาร้องเรียนทหารดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผลนานหลายชั่วโมงกระทั่งถึงเวลา 03.00 น.ของวันที่ 23 ต.ค.59 จนได้ข้อมูลเชิงลึกว่ามีแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มรวมกว่า 100 คน แต่ละกลุ่มจะมีทีมงานชุดละ 10 – 20 คน ได้กระจายกันปล่อยเงินกู้อยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายทุนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ใช้เงินหมุนเวียน 10 – 20 ล้านบาท มีการแบ่งสายงานกันทำแบบระบบบริษัท มีระดับหัวหน้าสายงาน ผู้ควบคุมตรวจสอบชุดปฏิบัติงาน หัวหน้ากลุ่ม ซึ่งแต่ละคนที่เป็นระดับหัวหน้าตามสายงานจะมีเงินเดือนตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท และแต่ละกลุ่มจะต้องจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมถึงนักข่าวบางคนในท้องถิ่นด้วยจึงจะสามารถปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ได้ โดยจะนัดจ่ายส่วยกันทุกวันที่ 3 ของเดือน1

ทั้งนี้แก๊งปล่อยเงินกู้ทั้งหมดยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบจริงในอัตราร้อยละ 20 บาท ต่อวัน แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามทำร้ายลูกหนี้ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 กล่าวว่า หลังสอบปากคำได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ควบคุมตัวทั้งหมดไว้ที่ มทบ.44 เพื่อขยายผลในเชิงลึก เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดก็จะส่งต่อให้ทาง คสช.ส่วนกลางดำเนินการกับนายทุนใหญ่และเครือข่ายที่อยู่ในกรุงเทพฯต่อไป ส่วนแก๊งเงินกู้ทั้งหมดหลังรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเสร็จแล้วจะนำตัวไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับแจ้งผู้เกี่ยวข้องในจังหวัดเข้ามารับทราบข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้มีการกวดขันปราบปรามจับกุมให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและคสช. ส่วนบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีผลประโยชน์รับส่วยก็จะให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบและเรียกตัวมาสอบสวนหากเกี่ยวข้องจริงก็ต้องจัดการอย่างเด็ดขาดต่อไป

 

 

ขอบคุณที่มา : MGR Online

ทิ้งคำตอบไว้

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.