ร้อยเอ็ด – คณะประชาชนคนรักในหลวง ขอเชิญร่วมงานเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10

คณะประชาชนคนรักในหลวง ขอเชิญร่วมงานเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2566

นายประยูร จิตเพ็ชร ประธานกรรมการคณะประชาชนคนรักในหลวง เปิดเผยว่า คณะประชาชนคนรักในหลวง กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2566 ณ วัดบึงพระลานชัย (พระอารามหลวง) ริมบึงพลาญชัย อำเภอเมืองร้อยเอ็ดจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจะมีพี่น้องประชาชนจากทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จะมาออกบูธ จัด นิทรรศการสิ่งจักสาน แสดงศิลปะหัตถกรรม วัฒนธรรม ประเพณีพื้นบ้านประจำภาค การออกร้านสินค้าประจำท้องถิ่น ทั้งขนมและอาหารการกินต่างๆมากมาย

ซึ่งปีที่แล้วเราจัดงานขึ้นที่จังหวัดสงขลา แต่ปีนี้เรากำหนดจัดขึ้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพราะเราจะได้นำการท่องเที่ยวมาสู่จังหวัดร้อยเอ็ดด้วย

จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนจากทั่วทั้งประเทศมาร่วมงานระหว่างวันที่ 26-28กรกฎาคม2566 รวม 3 วัน 3 คืน ในงานนอกจากจะได้ร่วมกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดี สนับสนุน เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ปกครองราชอาณาจักรไทยตลอดกาล สร้างความสามัคคีร่วมกันปกป้องเทิดทูน 3 สถาบันหลัก ให้ความเป็นธรรมกับคณะประชาชนทุกๆด้าน ส่งเสริมสนับสนุนต่อยอดด้านเศรษฐกิจตามมัชฌิมา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปลุกจิตสำนึกใป้ปรัชาชนปกป้อง และเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน

ในงานนอกจากพี่น้องประชาชนจะได้มาเที่ยวฟรี ชมของดีจาก 4 ภาค เรายังจัดโรงเลี้ยงประกอบอาหารให้ผู้มาร่วมงานกินฟรีตลอดงานด้วย สำหรับพิธีเปิดจะมีขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 16.29 น.เป็นต้นไป มีกิจกรรม การร่วมลงนามถวายพระพรในหลวงรัชกาลที่ 10 พิธีเจริญพระพุทธมนต์ การแสดงของศิลปินแห่งชาติ (คุณฉวีวรรณ ดำเนิน) การแสดงจากภาคต่างๆ ให้ชมตลอดงาน

วินัย วงศ์วีระขันธ์/ ข่าว

ร้อยเอ็ด – “เข้าใจบทบาท” สภาเกษตรกรภาคอีสาน จัดอบรมพัฒนาศักยภาพสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด

ที่ห้องประชุมชั้น 1 โรงแรมเอ็มแกรนด์ อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด นายชูศักดิ์ ราชบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด เพื่อสร้างความเข้าใจตามพระราชบัญญัติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. 2553 และรับรู้การเลือกสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประเภทตัวแทนองค์กรเกษตรกร และเลือกสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. 2566

โดยมี ดร.รณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล สมาชิกวุฒิสภา ดร.ประจักร์ บุญกาพิมพ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดร้อยเอ็ด สมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัด สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

ดร.ประจักร์ บุญกาพิมพ์ ประธานสภาเกษตรกร จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตามที่สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดทั่วประเทศ ได้ดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ประเภทผู้แทน และเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ และปัจจุบันได้ประกาศรายชื่อสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย ทำให้องค์ประกอบครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ชุดใหม่นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจบทบาท และอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ให้สามารถพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กร

ดังนั้น สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้เป็นเจ้าภาพจัดการอบรมโครงการดังกล่าวฯ ขึ้น โดยมีผู้เข้ารับการอบรม ประกอบด้วย สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดจำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด สกลนคร ยโสธร มหาสารคาม รวม 100 คน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สมาชิกสภาฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรต่อไป

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

ร้อยเอ็ด อดีตนายอำเภอ ผลิตปลาร้าสูตรผสมใบกัญชา ผ่านมาตรฐาน อย.

หลังการมีการประกาศปลดล็อคกัญชาออกจากพืชเสพติด อดีตนายอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ผันตัวเองผลิตปลาร้าสูตรผสมใบกัญชา ผ่านมาตรฐาน อย. ออกวางจำหน่ายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

มข่าวได้เดินทางไปยังร้านไก่ย่างโกต๋อง ส้มตำสูตรน้ำปลาร้าผสมใบกัญชา ซึ่งตั้งอยู่ริมถนน สาย 202 ตำบลสระคู ห่างจากตัวอำเภอสุวรรณภมูิ จังหวัดร้อยเอ็ดประมาณ 2 กิโลเมตร ภายในร้านเปิดเป็นร้านอาหารอีสาน ประเภทไก่ย่าง ส้มตำที่สะอาด บรรยากาศปลอดโปร่ง อากาศเย็นสบาย ก็ได้พบกับเจ้าของแบลนด์ ปลาร้าผสมใบกัญชา สูตรโกต๋อง นายธนิต พันธ์หินกอง อดีดนายอำเภอสุวรรณภูมิ เจ้าของสูตรปล้าร้าฯ เล่าว่า ก่อนจะมาเป็นวันนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นมี ได้มีกระแสในเรื่องของการพยายามปลดล็อคกัญชา เพื่อที่จะให้กัญชากลายเป็นกัญชาเสรี ก็คือปลดล็อคกัญชาออกจากการเป็นพืชเสพติด พอปลดล็อคกัญชาแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่า ภูมิปัญญาของคนไทยเราหรือคนทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนหรือชาวบ้านในพื้นถิ่นอีสาน รู้จักการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทั้งในเรื่องเพื่อสันทนาการ และใช้ในการทำยารักษาโรค ซึ่งสมัยโบราณหรือสมัยก่อนยาปฏิชีวนะ หรือยาแผนปัจจุบันไม่ค่อยมีต้องอาศัยยาพื้นบ้านต่างๆที่ได้มาจากสมุนไพร เช่นฟ้าทะลายโจรและพืชอื่นๆรวมทั้งกัญชา ก็นำมาเป็นส่วนผสม หรือเป็นตัวยาหลักในการรักษาโรค ความรู้ต่างๆที่ได้รับจึงถูกกระจายต่อกันแพร่หลาย ตนเองก่อนนั้นเป็นนายอำเภออยู่หลายพื้นที่ หลังเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2563 จึงกลับมาอยู่ที่ภูมิลำเนาในอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

เห็นว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่นแต่ก่อนถ้าเราจะดื่มน้ำ มักจะเป็นน้ำฝน จากน้ำบ่อดินหรือที่ชาวอีสานเรียกว่า (น้ำส้าง)ตักมาใส่โอ่ง ใส่ตุ่มไว้ดื่มกินแต่ปัจจุบันภาพเหล่านั้นแทบจะไม่มีให้เห็น เนื่องจากว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป แทบทุกเพศทุกวัยทุกอาชีพต่างหันมาดื่มน้ำที่ผลิตด้วยกรรมวิธีสมัยใหม่ทั้งสิ้น ดื่มน้ำจากขวด หรือดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำเป็นต้น ปลาร้า ก็เหมือนกัน เกี่ยวกับคนที่ทำปลาร้า เราจะเห็นว่าคนทำปลาร้าน้อยลง เพราะลักษณะอาชีพของคนเราเปลี่ยนไป เดิมเป็นเกษตรกรไปไร่ไปนา ทอดแห จับปลามาทำอาหารหรือทำปลาร้าไว้กิน แต่ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีเนื่องจากวิถีชีวิตเปลี่ยน

ผมก็เลยคิดว่าปัจจุบันมีการผลิตน้ำปลาร้าบรรจุขวดออกมาจำหน่ายเยอะแยะมากมายหลายยี่ห้อ จึงมีแนวคิดที่จะผลิตน้ำปลาร้าขึ้นมายี่ห้อหนึ่ง เพื่อเป็นแบรนด์และมีที่ยืนในวงการปลาร้ากับเขาบ้าง ซึ่งสมัยก่อนชาวบ้านมีการลักลอบนำน้ำต้มใบกัญชาผสมใส่ปลาร้าปรุงอาหารอยู่บางพื้นที่ เมื่อมีการปลดล็อคกัญชา ก็เลยคิดว่าถ้านำใบกัญชามาผสมปลาร้าในอัตราส่วนที่กฏหมายกำหนดคงได้รับความนิยมมากขึ้น
จึงได้ร่วมกับโรงงานซึ่งตั้งอยู่เขตอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งโรงงานดังกล่าวเขาทำหน้าที่ผลิตน้ำปลาร้า แต่ไม่ได้ทำแบรนด์อะไรเลย เขามีความรู้ในเรื่องการจัดการปลาร้าซึ่งโรงงานมีปลาร้าให้เลือกอยู่ประมาณ 4-5 อย่าง รสชาติแต่ละอย่างก็จะแตกต่างกันไปเช่นโหน่งมาก โหน่งน้อย ที่คนกินปลาร้าพูดกัน เราก็เอามาปรุงแต่งทดลองหลายต่อหลายครั้งแล้วผสมน้ำจากใบกัญชา ในอัตราส่วนไม่เกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ อย.กำหนด จนกระทั่งได้รสชาติน้ำปลาร้าที่เราต้องการ เราก็ได้คุยกับโรงงานในการเอาสูตรดังกล่าวให้โรงงานทำเรื่องขออนุญาตทำการผลิตและจำหน่าย ผ่าน อย.

เลยคิดว่าภาระของตนแทนที่จะไปโฆษณาบอกเขาว่า ปลาร้าของเรามันดีอย่างโน้นดีอย่างนี้เราจะเอาอะไรไปยืนยัน ก็เลยเกิดสิ่งที่ตาใมาคือ เปิดร้านไก่ย่าง ส้มตำใส่น้ำปลาร้าผสมใบกัญชาตราโกต๋อง เพื่อจะให้ผู้ที่ชอบทานอาหารประเภทข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ยำนัวต่างๆ ได้สัมผัสรสชาตและบอกต่อ โดยร้านของเราได้นำเอาน้ำปลาร้าสูตรผสมใบกัญชามาใช้ในการปรุงรส รวมทั้งนำใบกัญชาสดมาหมักไก่ที่เขาเรียกว่าไก่ย่างเขาสวนกวาง แล้วย่างขายเป็นการทำให้คนเข้าใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของใบกัญชา สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายอย่างโดยเฉพาะอาหารประเภทส้มตำ ยำนัวต่างๆเป็นต้น จึงได้เกิดไก่ย่างโกต๋องขึ้นมาเพื่อจะให้การแอด Local ของเราอยู่กับพื้นที่ ให้มีความยั่งยืนเพื่อผลักดันตัวแบรนด์น้ำปลาร้าสูตรของเราให้เป็นที่รู้จักทั่วกัน

นอกจากนี้ยังเชื่อว่ากัญชามีความหลากหลาย มีสรรพคึณทางยา ถ้าหากภาครัฐ ส่วนราชการ ภาคเอกชน ได้ผนึกกำลังเปิดตลาดกัญชาให้กว้างไกลไปทั่วโลก และทราบว่าประเทศไทยเป็นดินแดน แห่งกัญชาคุณภาพ น้ำปลาร้าโกต๋อง ผสมใบกัญชา ราคาขายปลีกขวดละ 45 บาท และ 1 แพ็ค 12 ขวด ราคา 420 บาทอยากให้ทึกท่านลองแวะชิมเพื่อที่จะให้รู้ว่า มาถึงจุดที่เป็น Original สูตรผสมกัญชาจุดเริ่มต้นอยู่ที่นี่ สอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์ 0980907878

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

สัมผัส “ทางเลิ๊ก” ศิลปะทางธรรมชาติ UNSEEN แห่งใหม่ ที่ตำบลอีง่อง

องค์การบริหารส่วนตำบลอีง่องผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนชาว ต.อีง่อง อ.จตุรพักพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ร่วมกับสมาคมศิลปินอีสาน จัดโครงการสร้างสรรค์ศิลปกรรม “วาดแผ่นดินอีสาน” ณ ทางลึก หรือชาวอีสานเรียกว่า”ทางเลิ๊ก” ณ บ้านหนองบั่ว หมู่ 7 โดยมีเหล่าศิลปินจากจังหวัดต่างๆ และประชาชนร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก

นายพิชิต หอมพุ่ง นายก อบต. อีง่อง เปิดเผยว่า การรวมตัวกันของศิลปินภาคอีสานในครั้งนี้ เพื่อมาวาดภาพศิลปะทางเลิ๊ก ซึ่งเกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ และหาดูได้ยากในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า ในตำบลอีง่อง นอกจากเรามีของดีในชุมชน ทั้งป่าชุมชนแหล่งเก็บเห็ดขึ้นชื่อ ตลอดจนสินค้าพื้นเมืองแล้ว ยังมีสถานที่สำคัญที่เป็น Unseen ซึ่งเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ ผ่านกาลเวลาอันยาวนานนับร้อยปีที่สวยงาม มีความเป็นอัตลักษณ์ จากความลึกของชั้นดินโดยเฉลี่ย 3 – 3.50 เมตร ยาวประมาณ 400 เมตร โดยเหล่าศิลปินอีสานพยายามจะถ่ายทอดถึงมนเสน่ห์ บอกเล่าประสบการณ์ ผ่านภาพเขียนให้ประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวได้รู้จัก ได้เข้ามาเยี่ยมชมธรรมชาติแห่งนี้ อันจะทำให้ชุมชนมีเศรษฐกิจที่ดี ประชาชนมีรายได้ จากการนำสินค้าพื้นเมือง สินค้าพื้นถิ่น สินค้าโอทอป มาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วย

ดร.ศักชัย อุทธิโท นายกสมาคมศิลปินอีสาน เปิดเผยว่า สมาคมศิลปินอีสาน ได้จัดโครงการวาดแผ่นดินอีสานขึ้น โดยการหาจุดที่เป็นธรรมชาติแปลกใหม่น่าสนใจทั่วภาคอีสายมาถ่ายทอดทางศิลปะลงบนแผ่นกระดาน
โดยก่อนหน้านี้คณะได้เดินทางไปวาดภาพ ที่ สามพันโบก จ.อุบลราชธานี ทะเลบัวแดง จ.อุดรธานี และครั้งนี้ ที่ทางลึก ต.อีง่อง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญและน่าสนใจ ที่เหล่าศิลปินอีสานได้คัดเลือก

เพื่อไปนำเสนอและเผยแพร่ให้คนรู้ว่า อีสานเรานี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีอะไรเยอะแยะที่ซ่อนอยู่ในวัฒนธรรม บางคนก็จะเห็นวิถีชีวิต บางคนเห็นภาพวาดสิ่งแวดล้อมที่มันแตกต่างออกไป ในฐานะที่เราเป็นศิลปินเราก็พยายามหามุมมอง และช่วยพื้นถิ่น ช่วยการท่องเที่ยว เชิดชูคุณค่าทางวัฒนธรรมของภาคอีสาน คิดว่าอีสานเป็นดินแดนที่มีความสุข เราก็เลยทำโครงการวาดแผ่นดินอีสาน ซึ่งอยู่ในแนวคิดของศิลปินทุกคน มีศิลปินจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม สกลนคร บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด และจังหวัดเชียงราย เป็นต้น

เชื่อว่าในอนาคตที่นี่ จะดึงดูด นักท่องเที่ยวเข้ามา เพราะเป็นสถานที่ที่มีวัฒนธรรมยาวนาน ไปทำที่ไหนคงไม่ได้ เป็นความพิเศษที่เราจะทำขึ้นหรือเรียนแบบคงไม่ได้ ตนเองก็เพิ่งเคยมาครั้งแรก ก่อนหน้าเห็นภาพจากเหล่าศิลปินวาดมาให้ดู และครั้งนี้มีการรวมตัวกันวาดให้เห็นหลายมุมมอง เพื่อนำไปจัดแสดงตามสถานที่ต่างๆ ต่อไป ดังนั้นที่นี่ถือเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่ง ที่อยากเชิญชวนทึกท่านมาสัมผัสสัมผัสรากเหง้าของคนอีสานอีกรูปแบบ ต้องมาที่นี่ ตำบลอีง่อง

อาจารย์ไสว แกล้วกล้า ข้าราชการบำนาญ (สมาคมศิลปินอีสาน) เล่าว่าผมได้มีโอกาสเข้ามาเขียนรูป วาดรูปทางเลิ๊กที่นี่ บอกได้เลยว่าเป็นบรรยากาศที่หาดูได้ยากมากเพราะสถานที่ดูแล้วมันลึกจริงๆและเป็น perspective มีแสง เงา ในธรรมชาติที่งดงามน่าส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านศิลปะทางธรรมชาติ บางทีการจะไปท่องเที่ยวไม่จำเป็นจะต้องท่องเที่ยวแต่ในเมือง หรือสถานที่สำคัญเสมอไป ในชนบท ในป่า ในซอกหลืบของแต่ละชุมชนก็เป็นอันซีน Unseen ได้ นับเป็นความโชคดีของชาว ต.อีง่อง ที่มีสถานที่ดังกล่าว เป็นเรื่อง ความสุนทรีทางธรรมชาติ ถ้ามีการนำมาแสดงออกทางศิลปะการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการถ่ายภาพ วาดภาพหรือเขียนภาพ ถือเป็นความสมบูรณ์แบบในวิถีชีวิตอีกสไตล์เลยทีเดียว ส่วนช่วงที่เหมาะมากๆก็คือ ช่วงหน้าหนาว หรือช่วงที่มีแดดจัด ก็สามารถเข้าไปสัมผัสได้เพราะมีร่มเงาจากแมกไม้ ร่มรื่น สะดวกสบาย จะเห็นร่องรอยของดินที่ถูกฝนกัดเซาะ บางจุดมีตะไค่น้ำเกาะเป็นสีเขียวสร้างสีสันตามธรรมชาติด้วย

นางใจทิพย์ ก้านจักร กำนันตำบลอีง่อง กล่าวว่า ชาวตำบลอีง่อง ต้องขอขอบคุณ คุณเชาวฤทธิ์ เตยขาว หรืออาจารย์ตี๋ คุณคมฤทธิ์ วุฒิรัญญกูล ข้าราชการบำนาญ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะ ซึ่งเป็นชาวจตุรพักตรพิมาน ที่ได้เล็งเห็นคุณค่าของศิลปะที่ธรรมชาติให้มา และได้ประสานงานกับสมาคมศิลปินอีสาน เข้ามาช่วยถ่ายทอดผลงานด้านศิลปะ ทางเลื๊กของบ้านนองบั่ว หมู่ 7 ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ซึ่งถือเป็นมรดกของเรา เพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ดูได้เห็น เกิดความหวงแหน และหันมาช่วยกันอนุรักษ์ ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อกันมาว่า บริเวณนี้เดิมเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านใช้เป็นทางเกวียน สำหรับไปไร่ไปนา ผ่านเวลามายาวนาน ฝนที่ตกในทุกๆปี ทำให้น้ำกัดเซาะดินบริเวณทางเดิน ทำให้ทางเดินทรุดต่ำลงเรื่อยๆจนเป็นทางลึกและเห็นรากไม้ชนิดต่างๆโผล่ออกมาจากสองด้านในรูปแบบแตกต่างกันไป เกิดเป็นสีสัน แปลกตาที่หาดูได้ยากในอนาคตที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

ร้อยเอ็ด – พระสวมชุดPPEตรวจโควิด โล่ชี้แจงสำนักพุทธจังหวัด หลังมีหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบ

จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2565 พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดบ้านนาสมบูรณ์ ตำบลท่าสีดา อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการร้องขอจากชาวบ้าน ให้ช่วยตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการตรวจแบบ ATK เนื่องจากก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านหนองผักแว่นและบ้านนาสมบูรณ์ มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 10 ราย ซึ่งล่าสุดมีเด็กชายอายุ 10 ขวบมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก ซึ่งมีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อ พระจิรวัฒน์จึงได้เดินทางไปทำการตรวจหาเชื้อให้ตามคำร้องขอของญาติ

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบสอบว่า จากกรณีที่พระอาจารย์จิรวัฒน์ ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดบ้านสมบูรณ์ ได้ทำการตรวจ ATK และแจกยาฟ้าทะลายโจรให้ชาวบ้าน โดยแจ้งให้เจ้าคณะอำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ทำการตรวจสอบว่าการกระทำการดังกล่าว มีพฤติกรรมกระทำสาธารณสุขต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และอนามัยสิ่งแวดล้อม มีข้อเท็จจริงประการใด ซึ่งหลังจากการตรวจสอบให้รายงานต่อสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป

ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 พระอาจารย์จิรวัฒน์ ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดบ้านสมบูรณ์ พร้อมญาติโยมที่ได้ร้องขอให้ตรวจ ATK ให้หลานชายวัย 10 ขวบ ได้เดินทางเข้าชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ด ณ ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด

พระอาจารย์จิรวัฒน์ ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดบ้านสมบูรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้อาตมาได้เดินทางเข้ามาชี้แจงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีที่อาตมาใส่ชุด PPE ไปตรวจ ATK และแจกยาฟ้าทะลายโจรให้ชาวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปีที่แล้ว อาตมาได้จัดทำโครงการพระไม่ทิ้งโยม โดยการให้การช่วยเหลือนำข้าวสารอาหารแห้งแจกชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้ก็เคยนำรถยนต์ของวัดที่ได้รับบริจาค นำไปรับผู้ป่วยโควิดจาก กทม. กลับมารับการรักษาที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยไม่มีการเรียนเก็บค่าบริการแร่อย่างใด ซึ่งอาตมาเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องของจิตอาสา สิ่งที่ทำก็เกิดประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งคงไม่ผิดวินัยสงฆ์อย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้อาตมาก็คงจะหยุดการแจกยาฟ้าทะลายโจรและตรวจ ATK ให้ชาวบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดการก้าวล่วงหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากการสอบถาม คุณยายสมบูรณ์ สว่างวงศ์ อายุ 68 ปี (ยายของเด็กที่พระตรวจโควิดให้) เล่าว่า เนื่องจากหลานชายมีอาการไข้สูง เจ็บคอ และมีน้ำมูก ไปพบหมอสถานพยาบาลใกล้บ้าน ก็ได้ยามารับประทานแต่อาหารก็ไม่ดีขึ้น ยายจึงสงสัยว่าหลานชายอาจจะติดโควิด เนื่องจากมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนติดโควิดก่อนหน้านี้ แต่ตนอยู่กับหลานสองคนก็ไม่สามารถเดินทางไปซื้อ ATK มาตรวจให้หลานได้ จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากพระอาจารย์จิรวัฒน์ให้มาช่วยตรวจ เนื่องจากทราบว่าก่อนหน้านี้ท่านก็เคยช่วยตรวจให้ชาวบ้าน มีชุดป้องกันมิดชิด จึงได้มาทำการตรวจให้หลาน ซึ่งก็พบว่าหลานชายติดโควิด ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเกิดการร้องเรียนตามมา เพราะพระรูปนี้ ท่านให้การช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด โดยไม่มีการเรียกร้องเงินทองแต่อย่างใด

านนางวิภรณ์ เชิดโคกศรี ผอ.กลุ่มอำนวยการและกิจของสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า การกระทำดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดวินัยสงฆ์แต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นสาธารณสงเคราะห์ที่ดีต่อสังคม ถือเป็นกิจกรรมที่ดี ส่วนการแจกจ่ายยาฟ้าทะลายโจร พระท่านก็แจ้งว่าจะหยุดแจกจ่ายและขอคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักสาธารณสุขต่อไป

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

ปภ.ร้อยเอ็ด เร่งช่วยเหลือประชาชนประสบภัยพายุ อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด

วันที่ 7 มีนาคม 2561 เวลา 14.30 น. ได้เกิดพายุ ในตำบลเด่นราษฎร์ อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 9 หลัง ซึ่งจะได้ตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือต่อไป

Cr.ปภ ร้อยเอ็ด

มทบ.27 ทำโครงการ สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ในค่ายหลังจากก่อนหน้านั้น พบสุนัขตายตัดตัวส่งตรวจแล้วมีเชื้อสุนัขบ้า.

ที่ มทบ 27 ร้อยเอ็ด พันเอกธวัชชัย แจ้งประจักษ์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัตว์ปลอดโรคคนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัคราชกุมารี โดยมณฑลทหารบกที่ 27 จัดขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคพิษสุนัขบ้าในระยะแรก ตามพระปณิธาณของพระองค์ท่าน และตามที่จังหวัดร้อยเอ็ดได้กำหนดให้โรคพิษสุนัขบ้าเป็นวาระเร่งด่วนของจังหวัดและประกาศให้จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยการแพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเป้าหมาย ฉีดวัคซีนให้สุนัขและแมวในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561
โดย มทบ.27 ได้ดำเนินการสำรวจและขึ้นทะเบียนสัตว์ในหน่วยและทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขและแมวที่อยู่บริเวณพื้นที่ของมณฑลทหารบกที่ 27 ทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้กับกำลังพลและครอบครัวเพื่อให้มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยความร่วมมือจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด โรงพยาบาลค่ายพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในการสนับสนุนบุคลากรและเวชภัณฑ์สำหรับการฉีดวัคซีน ให้กับสุนัขของกำลังพลทั้งสิ้น 58 ตัว ที่เลี้ยงในค่าย
พันเอกธวัชชัย แจ้งประจักษ์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 กล่าวว่า การฉัดวัคซีนให้กับ สุนัขทุกตัวในค่าย สืบเนื่องจากเป้าหมาย ปัญหาการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าเป็นปัญหาสำคัญยิ่ง เพราะเป็นโรคที่อันตราย คนหรือสัตว์ที่มีอาการของโรคนี้ เป้าหมาย 2 ประการ คือ 1 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17-18 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสุนัขของกำลังพล มีอาการผิดปกติ จึงจับขังไว้ และเสียชีวิต ในวันที่ 19 ม.ค.หลังจากเสียชีวิตได้ประสานปศุสัตว์ ตัดหัวสุนัขส่งตรวจ พบว่า มีเชื้อสุนัขบ้า จึงจัดทำโครงการฉีดยาให้กับสุนัขทุกตัวในค่าย 100 % และ 2 เพื่อสานต่อ โครงการสัตว์ปลอดโรคคนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัคราชกุมารี
การดำเนินโครงการนี้จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าค่ายประเสริฐสงครามจะไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ละจากนั้นจะควบคุมห้ามนำสุนัขและแมว จากชุมชนรอบค่าย เข้าพื้นที่ ซึ่งกันเป็นเขตปลอดโรค พิษสุนัขบ้า รวมทั้งขอความร่วมมือชุมชนรอบค่าย จัดกิจกรรมฉีดวัคซีน กันพิษสุนัขบ้า ให้กับสัตว์เลี้ยงทุกตัว ให้ป้องกันเฝ้าระวังการเกิดการระบาด ของพิษสุนัขบ้าอย่างยั่งยืนตามนโยบายของจังหวัดต่อไป.
/////////////////////
น.ส.โชติกา ทวนชัยภูมิ/ศูนย์ข่าวจังหวัดร้อยเอ็ด
0956628047