หนองบัวลำภู – เด็ก 8 ขวบ ท่องบทสวดคาถาชินบัญชรได้จบแบบไม่ได้ดูตำรา

สุดยอด !! “น้องอุ้ม” เด็ก 8 ขวบ ท่องบทสวดคาถาชินบัญชรได้จบแบบไม่ได้ดูตำรา จนอดีตข้าราชการครูเจ้าของรางวัลต้นแบบครูผู้ไม่มีหนี้สหกรณ์แม้แต่บาทเดียว(พ่อครูจำลอง)อดชื่นชมต้องส่งเสริมเป็นต้นแบบของเยาวชนคนใฝ่ธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายจำลอง ขุริรัง อายุ 84 ปี (อดีตข้าราชการครูเจ้าของรางวัลครูต้นแบบผู้ไม่มีหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม้นแต่บาทเดียว และอีกหลายสิบรางวัล) ว่าที่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 4 บ้านหินลับศิลามงคล ต.หนองสวรรค์ อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ซึ่งมีเด็กชายวัย 8 ขวบ มีความเป็นอัจฉริยะเกินเด็ก สามารถสวดพระคาถาชินบัญชร แบบไม่ต้องดูบทสวด จึงไปตรวจสอบ
เมื่อเดินทางถึงผู้สื่อข่าวไปที่ศาลาการเปรียญวัดศิลาวุฒาราม บ้านหินลับศิลามงคล ต.หนองสวรรค์ อ.เมืองหนองบัวลำภู ซึ่งวันนั้นเป็นวันธรรมะสวนะ สาธุชนเดินทางมาทำบุญตักบาตร ถวายภัตราหารเช้าแด่พระภิกษุภายในวัดเป็นปกติทุกวันสำคัญ แต่ทุกคนต้องตะลึงเมื่อเห็น ด.ช.พีรพัฒน์ คำทุม หรือ น้องอุ้ม อายุ 8 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนบ้านหินลับศิลามงคล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1 ซึ่งวันนี้ น้องอุ้มมาพร้อมกับคุณยายอุบล และ คุณครูคำใส พวงปัญญา ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของน้องอุ้ม

โดยมีคุณตาจำลอง ขุริรัง อายุ 84 ปี (อดีตข้าราชการครูฯ) เข้าร่วมฟังเสียงสวดบทคาถาชินบัญชร ด้วยน้ำเสียงอาจจะไม่ฟังชัดเท่าไหร่ เพราะน้องอุ้มเป็นไข้หวัด แต่ก็สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่พบเห็นที่น้องอุ้มสามารถสวดบทคาถาชินบัญชรจนจบ โดยไม่ได้บทสวด ขณะที่พระมหาบุญส่ง พุทธสโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชัยศรี อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ที่ได้เดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิดที่หมู่บ้านหินลับและได้อยู่จำวัดที่วัดศิลาวุฒาราม กล่าวชื่นชมที่เยาวชนคนนี้มีบุญวาสนา เป็นบุพเพสันนิวาสเสมือนกลับชาติมาเกิดจากอดีตชาติเคยศึกษาธรรมะจนท่องแท้
จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามน้องอุ้มว่า ท่องคาถาชินบัญชรได้นานหรือยัง ซึ่งน้องอุ้มบอกว่าเริ่มท่องได้เมื่อภาคเรียนที่ผ่านมา ในขณะที่คุณยายอุบลฯที่คอยดูแลน้องอุ้มเวลาสวดคาถาชินบัญชรได้จนจบและใช้ช่วงเวลาก่อนนอนทุกวันสวดบนคาถาชินบัญชร จึงนอนทำอย่างนี้แทบทุกวัน และจากการสอบถาม น้องอุ้ม เผยว่าไม่เคยบวชเรียนที่ไหนมาก่อน เพียงชอบไปวัด โดยคุณยายพาไป

นขณะที่คุณยายอุบล คำทุม อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นยายของน้องอุ้ม เผยว่า เวลาไปทำบุญตามวัดดังต่างๆ เมื่อไปก็จะนำน้องอุ้มไปด้วย เวลากลับมาบ้านก็จะนำบทสวดมาสวดที่บ้าน น้องอุ้มก็ ต้องยอมรับว่าน้องอุ้มมีความจำเด็กดีจนสามารถท่องได้หมด และในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ เป็นช่วงปิดเทอม น้องอุ้ม เคยบอกว่าอยากจะบวชเณรภาคฤดูร้อนด้วย
เมื่อน้องอุ้ม สวดพระคาถาชินบัญชร ทำให้คุณตาจำลองฯและอุบาสกอุบาสิกา ตลอดจนพระภิกษุภายในวัดศิลาวุฒาราม ได้รับฟังเสียงก็ทึ่งมาก รู้สึกแปลกใจว่าเด็กอายุแค่ 8 ขวบสามารถสวดบทพระคาถาชินบัญชรได้ จึงได้บอกกับยายอุบลว่าให้เลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีเพราะเป็นเด็กอัจฉริยะ และเมื่อวันพระที่ผ่านมาก็ได้สวดบทพระคาถาชินบัญชรและสวดมนต์บทต่างๆ ทำให้ผู้มาร่วมทำบุญในวันพระได้ฟังอีกครั้ง ทำเอาผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน และพากันนิ่งเงียบเพื่อฟังเสียงสวดของน้องอุ้ม

ทางด้านคุณครูคำใส พวงปัญญา ครูประจำชั้นของน้องอุ้ม กล่าวอีกว่า เมื่อน้องอุ้มขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก็จะได้ส่งเสริมให้น้องเข้าร่วมกิจกรรมทั้งการประกวดมารยาทไทย การสืบสานวัฒนธรรมในระดับต่าง ๆในนามของโรงเรียนต่อไป คุณครูคำใสฯกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเวลาน้องอุ้มอยู่โรงเรียนจะเป็นนักเรียนจิตอาสา พอถึงห้องเรียนน้องอุ้มจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายและจะถามคุณครูตลอดเวลาว่ามีอะไรให้ผมช่วยทำบ้าง
เด็กคนนี้จะปฏิบัติอย่างนี้เป็นประจำ และก็ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนๆมากนัก ชอบอยู่คนเดียวและชอบเข้าห้องสมุด อ่านหนังสือ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่เด็กคนนี้สามารถอ่านออกเขียนได้ โดยเฉพาะลายมือของน้องอุ้มจะสวยมาก หลังจากน้องอุ้มได้ทดสอบท่องบทคาถาชินบัญชรเสร็จ ผู้สื่อข่าวให้น้องอุ้ม สาธิตวิธีการจดจำที่ครูสอนให้รักษาศีล 5 โดยสามารถท่องคำแปลของศีล 5 และสาธิตให้ชมทั้ง 5 ข้อ อีกด้วย

สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์ ภาพและข่าว เพ็ญนภา ทับซ้ายขวา รายงานจากจังหวัดหนองบัวลำภู

บึงกาฬ – สิ้น!!! พระครูประทีปธรรมานุวัตร(สุทิน) เจ้าคณะตำบลไคสี เขต1 จ.บึงกาฬ พระนักพัฒนา สิริอายุ 63 ปี

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความพูดว่า "19:10 vivo Y76 สิงห์หนองดง 19 ธ.ค. 2023 08:00"

บึงกาฬ – สิ้น!!! พระครูประทีปธรรมานุวัตร(สุทิน) เจ้าคณะตำบลไคสี เขต1 จ.บึงกาฬ พระนักพัฒนา สิริอายุ 63 ปีสิ้นพระนักพัฒนา “พระครูประทีมธรรมานุวัตร” เจ้าคณะตำบลไคสี เขต1 อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ มรณภาพอย่างสงบ หลังล้มป่วยโรคปอดติดเชื้อ และโรคประจำตัว ความดันเบาหวาน สิริอายุ 63 ปี 39 พรรษา

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน, ดอกไม้, วัด และ แท่นบรรยาย

ลูกศิษย์ร่วมอาลัยผู้สื่อข่าวท้องถิ่น รายงานว่า เวลา 23.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. 66 ที่วัดศรีสมบูรณ์(บ้านศิริพร) ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ทางวัดได้มีการจัดเตรียมสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล พระครูประทีปธรรมานุวัตร (สุทิน) เจ้าคณะตำบลไคสี เขต1 และเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสมบูรณ์ หลังล้มป่วยอาพาธด้วยโรคปอดติดเชื้อ ความดันและเบาหวาน ก่อนมรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. 66 สิริอายุ 63 ปี 39 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าของศิษยานุศิษย์ และชาวบ้านที่ต่างทราบข่าวโดยเวลา 23.30 น.

อาจเป็นรูปภาพของ 7 คน และ แท่นบรรยาย
อาจเป็นรูปภาพของ 5 คน

ผู้นำชุมชนและชาวบ้านทายกทายิกาได้เดินทางร่วมพิธีถวายน้ำสรงศพ ซึ่งทางวัดกำหนดสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. 66 – 13 ม.ค. 67 เวลา 16.30 น. ณ ศาลาการเปรียญ และกำหนดพระราชทานเพลิง ในวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2566 เวลา 16.00 น. ณ เมรุชั่วคราววัดศรีสมบูรณ์(บ้านศิริพร) หมู่ 6 ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬประวัติ พระครูประทีมธรรมานุวัตร เดิมชื่อ นายสุทิน อภัยโส เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2503 เป็นชาว ต.ไคสี อ.เมือง จ.บึงกาฬ

อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ

อุปสมบทครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2527 ที่วัดสว่างสำราญธรรมคุณ จ.บึงกาฬ(เติม จ.หนองคาย) มีพระครูสิริพรหมคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระบุญยืน พุทธสาโร พระกรรมวาจาจารย์ พระเพ็ง ฐานวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ก่อนย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสมบูรณ์ อ.เมืองบึงกาฬ เมื่อปี พ.ศ. 2550 ขึ้นเป็นเจ้าคณะตำบลหนองเลิง เมื่อปี พ.ศ. 2539 คณะสงฆ์ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่การปกครองให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลไคสี เขต1 เมื่อปี พ.ศ. 2549 จวบจนปัจจุบันสมณศักดิ์วันที่ 5 ธันวาคม 2539 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งให้เป็นพระครูเจ้าคณะตำบล ชั้นตรี ที่พระครูประทีปธรรมานุวัตรวันที่ 5 ธันวาคม 2544 เลื่อนเป็นเจ้าคณะตำบล ชั้นโท ในราชทินนามเดิม ที่พระครูประทีปธรรมานุวัตรวันที่ 5 ธันวาคม 2544 เลื่อนเป็นเจ้าคณะตำบล ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม ที่พระครูประทีปธรรมานุวัตรโดยพระครูประทีปธรรมานุวัตร เป็นพระนักพัฒนาของตำบลไคสี อาทิ วัดบ้านโนนแพง สำนักปฏิบัติธรรมไคสี ทำการบูรณปฏิสังขรณ์โบสถ์ รวมทั้งบูรณะ และพัฒนาเสนาสนะภายในวัดอย่างต่อเนื่อง ขยายศาลาการเปรียญให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับพุทธศาสนิกชนที่จะมาร่วมทำบุญ สร้างเมรุ สร้างห้องสุขา เป็นต้นการนี้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 เวลา 16.30 น. นายถิรเดช ไชยโภค สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ อำเภอเมืองเขต 2 และนางลัลน์ลลิตฤดี วิเศษศิริ นายกสมาคมสมาพันธ์นักข่าว(ประเทศไทย) พร้อมคณะ ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมด้วย

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล ข่าว/ภาพ

คณะสงฆ์จังหวัดหนองบัวลำภู จัดแถลงข่าวจัดกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษา

คณะสงฆ์จังหวัดหนองบัวลำภู ประสานพลัง บวร.ร่วมกับจังหวัดหนองบัวลำภู และภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส) จัดแถลงข่าวจัดกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษา โดยมีพระสงฆ์ออกบิณฑบาต รับสัตยาธิฐานงดเหล้าตลอดพรรษา เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2566 พร้อมเชิดชูเกียรติคนหัวใจหินและหัวใจเพชรที่เข้าร่วมโครงการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดหนองบัวลำภู ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส) จัดแถลงข่าวจัดกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษา เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2566 พร้อมพิธีแสดงมุทิตาสักการะแด่ ดร.พระราชวชิรธาดา เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพวัชรวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฏาคม 2566

จากนั้นเป็นการมอบเข็มเชิดชูเกียรติคนหัวใจเพชร ให้กับ นายณรงค์ คงศิลา ปลัดอาวุโส ที่ทำการปกครองอำเภอศรีบุญเรือง ที่เป็นนักรณรงค์และปฏิบัติตนไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลมาร่วม 20 ปี ซึ่งเป็นผู้มีผลงานดีเด่นในรอบปีที่ผ่านมา จากนั้น เป็นพิธีมอบสื่อรณรงค์ขอบคุณที่ไม่สูบไม่ดื่มงดเหล้าเข้าพรรษา ให้กับนายนิติปกรณ์ แสงสุวรรณ นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู นายทศพล จักรบุญมา นายอำเภอนากลาง ปลัดอาวุโสอำเภอศรีบุญเรือง ปลัดอำเภอโนนสัง ปลัดอำเภอนาวัง และปลัดอาวุโสอำเภอสุวรรณคูหา ตามลำดับ

จากนั้นเป็นการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง พระเทพวัชรวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผวจ.หนองบัวลำภู นพ.ประวิตร ศรีบุญรัตน์ นพ.สสจ.หนองบัวลำภู ดร.วุฒิพงษ์ ศิริสถิตย์ นายก อบจ.หนองบัวลำภู นายกิตติเดช เพ็งคำ ผอ.กลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู และนางวิริยา แก่นปัดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดหนองบัวลำภู ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองบัวลำภู ผอ.สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดหนองบัวลำภู ผู้แทนจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการเรียนจังหวัดหนองบัวลำภู และผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ภาคีเครือข่ายต้นแบบคนหัวใจเพชรจาก ชุมชนหนองภัยศูนย์ ชุมชนบ้านโนนขมิ้น และนักเรียนจากโรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร ร่วมการแถลงข่าว

โดย พระเทพวัชรวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวภายหลังการร่วมแถลงข่าวว่าด้วยวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เป็นวันอาสาฬหบูชา ซึ่งมีความสำคัญที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังเป็นวันที่พระองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัฒตนสูตร ทำให้พระอัญญาโกณทัญญะ ได้บรรลุธรรม และขอบวชเป็นพระสงฆ์รูปแรกถือได้ว่าเป็นวันที่มีพระรัตนตรัย ครบองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

นอกจากนี้ ในวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 ยังเป็นวันเข้าพรรษา และในวันดังกล่าว คณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ หรือ วันงดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งปีนี้คณะสงฆ์จังหวัด หนองบัวลำภู ร่วมกับจังหวัดหนองบัวลำภู และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดหนองบัวลำภู ประสานพลัง บวร.ให้เจ้าอาวาสวัดทุกวัดในทุกหมู่บ้าน ชุมชนของจังหวัดหนองบัวลำภู ออกบิณฑบาตร รับสัตยาบันที่เป็นคำมั่นสัญญา และสัจจาธิฐานของพุทธศาสนิกชนที่ตั้งใจจะเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ตลอดพรรษา ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวถือได้ว่าหนองบัวลำภู เป็น 1 เดียวของประเทศไทยในโอกาสนี้

ในขณะที่ นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผวจ.หนองบัวลำภู กล่าวเพิ่มเติมว่าในในระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม ศกนี้ ที่พุทธศาสนิกชนพึ่งปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปีนั้นคือจะเข้าวัดฟังธรรมด้วยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา จึงได้ขอความร่วมมือผู้นำ หรือผู้ดูแลหอกระจายข่าวในทุกหมู่บ้าน ชุมชนของจังหวัดหนองบัวลำภู เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ข้าราชการ พนักงานราชการ พ่อค้าประชาชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกหน่วยงานและผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ร่วมกันประกาศ เจตนารมณ์ ให้คำมั่นสัญญา เป็น สัจจาธิษฐาน ที่จะเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประเภท ตลอด 3 เดือน เพื่อความสุขในชีวิตของตนเองและ คนในครอบครัว และเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษา 71 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 อีกด้วย

สำหรับแนวทางในการดำเนินการ เมื่อพระสงฆ์ออกรับบิณฑบาตร สาธุชนที่ตั้งใจดีแล้วก็จะนำข้อความที่ตั้งใจเป็นสัจจาธิษฐาน ว่าตนเองจะเลิกดื่มเหล้าตลอดเข้าพรรษา เสร็จแล้วนำถวายพระสงฆ์ที่ออกรับคำสัตยาธิษฐาน ด้วยการใส่บาตรพระ และตั้งจิตอธิษฐานด้วยคำว่า สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวัก ขะยาวะหัง โหตุ ดังนั้นขอให้ความตั้งใจ และความปรารถนาดี ของพี่น้องประชาชนทุกหมู่บ้าน ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ จะประสานใจให้เกิดเป็น “พลัง บวร.” เป็นพลวปัจจัยที่ จะเกื้อหนุนให้ท่านและครอบครัว มีความสุขในชีวิต จากการเลิกดื่มสุรา ร่วมกันงดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้หมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง เป็นชุมชนคุณธรรมอย่างยั่งยืนสืบไป

ในขณะที่ นางวิริยา แก่นปัดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวเพิ่มเติมว่าเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามประกาศเจตนารมย์ของคณะสงฆ์และจังหวัดหนองบัวลำภู จึงขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนนำบุคลากรในสังกัดลงนามในสัตยาบันที่แจกจ่ายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และเมื่อความตั้งใจของทุกท่านมีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับเกียรติบัตรยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นคนหัวใจหิน และในโอกาสเดียวกันนี้เครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมกับชุมชนคนหัวใจเพชร ตำบลโนนขมิ้น อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จัดกิจกรรม”พายกระติ๊บข้าว แลนงดเหล้า เข้าพรรษา@โนนขมิ้น” ในวันที่ 2 สิงหาคม 2566 เริ่ม 06.00 น.เป็นต้นไป จึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรม

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาพระธรรมดิลก (สมาน สุเมโธ ป.ธ.๙)ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ (ธรรมยุต)วัดป่าแสงอรุณ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่นขึ้นเป็นพระราชาคณะ

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาพระธรรมดิลก (สมาน สุเมโธ ป.ธ.๙)ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ (ธรรมยุต)วัดป่าแสงอรุณ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่นขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองมีราชทินนาม ตามที่จารึกในหิรัญบัฏ ว่าพระพรหมวชิรดิลก ศากยปุตติยนายกสาธกธรรมวิจิตร พิพิธศาสนกิจการีตรีปฎกบัณฑิต ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสีขอถวายมุทิตาสักการะในโอกาสอันเป็นมงคลนี้

หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตฺโต งาน อายุวัฒนะมงคลครบรอบ ๖๒ ปี เถราภิเษก (ฮดสรง)

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-1024x461.png

ในวันที่ ๓ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณทรงพระกรุณาโปรดให้ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เชิญแจกันดอกบัว ถวายแต่ พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตฺโต) .เนื่องในโอกาสที่ เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๖๒ ปี ณ วิหารเฉลิมพระเกียรติฯ วัดโนนสว่าง ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

และเจ้าประคุณ สมเด็จมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เลขานุการ ในองค์สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก กรุงเทพมหานคร เมตตาไถ่ชีวิต โค-กระบือ จำนวน ๑๐๐ ตัว เพื่อมอบแก่เกษตร ในการนี้เจ้าประคุณฯประทานเมตตาให้ พระครูพิพัฒน์วิทยาคม(หลวงพ่อ เจริญ ฐานยุตฺโต) เป็นตัวแทนในการมอบโค-กระบือ ดังกล่าว ให้แก่เกษตรกรผู้มาลงชื่อรับความเมตตาจากหลวงพ่อครบตามจำนวนโค-กระบือแล้ว ข้อมูลจาก..สำนักเลขานุการเจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน, วัด และ ข้อความ

ในงาน อายุวัฒนะมงคลครบรอบ ๖๒ ปี เถราภิเษก (ฮดสรง) พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตฺโต) และ พิธีพุทธาภิเษก( พิธีใหญ่ผึ้งพัน น้ำมันหมื่น)ปลุกเสกเหรียญ รุ่น ปลดหนี้ และอีกหลายรุ่น พร้อม พิธีบวชชีพราหมณ์ หนุนดวง สะเดาะเคราะห์ สืบชะตา เอิ้นขวัญ สู่ขวัญ แบบโบราณ อิสาน.. เจริญพระพุทธมนต์ และ บำเพ็ญกุศลทักษิณานุปาทาน อุทิศกุศลถวายแด่ บูรพาจารย์ และ บุพการี ของพระเดชพระคุณท่าน พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (หลวงพ่อ เจริญ ฐานยุตฺโต) เจริญอายุวัฒนมงคล ครบรอบ ๖๒ ปี วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖ เริ่มตั้งแต่ ๐๗.๐๐น. เป็นต้นไปณ.วิหารเฉลิมพระเกียรติ วัดโนนสว่าง ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ. อุดรธานีโทร..๐๘๓ ๓๖๑๙๙๖๓พระมหา ตาม อภิวัฒน์ อินทปัญโญผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดโนนสว่าง

อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ
อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ
อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ

ภาพ-ข่าว นาย จิรวัฒน์ จิณณทองพิมพ์

อุดรธานี – ฮือฮาเจอนางฟ้าอีกรูปในพิธีล้างป่าช้าที่อุดร หลุมที่ 653

ที่จ.อุดรธานี ฮือฮาอีกครั้งในพิธีล้างป่าช้าเจอนางฟ้ารูปที่ 2 ที่สุสานมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน หลุมที่ 563 รองประธานมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน เผยตอนนี้ทางมูลนิธิฯ เรามีนางฟ้าและกุมารทองและกุมารี ทั้งหมด 9 องค์

วันนี้ (16 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สุสานมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน บ้านปากดง อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติล้างป่าช้า ครั้งที่ 6 บรรยากาศตลอดทั้งวันมีสาธุชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก โดยวันนี้มีการเปิดหลุมศพไร้ญาติหลายหลุมเพื่อให้สาธุชนได้ร่วมบุญกัน และวันนี้ถือว่าโชคดีเป็นอย่างมากสาธุชนที่มาร่วมงานได้พบกับศพผู้หญิงที่ไม่เน่าไม่เปื่อย ในหลุมที่ 563 เป็นหญิงชรา ในสภาพศพไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด จากนั้นเหล่าสาธุชนได้ต่างพากันแต่งชุดให้นางฟ้าด้วยเสื้อผ้าสีขาวพร้อมขอขมา และอันเชิญร่างไปเก็บไว้ยังมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน เพื่อรอการทำพิธีฌาปนกิจต่อไป

นายสุรินทร์ พัฒนาวิวัฒน์ธนภรณ์ รองประธานมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน หัวหน้าฝ่ายล้างป่าช้า เปิดเผยว่า ตามความเชื่อแล้วหากล้างป่าช้าพบนางฟ้าหรือศพไม่เน่าไม่เปื่อย ผู้จัดและผู้มาร่วมงานล้างป่าช้าจะถือว่าศพนั้นเป็นผู้มีบุญ เนื่องจากเคยสร้างบุญสร้างกุศลไว้ขณะมีชีวิตอยู่ และหากคนล้างป่าช้าได้ล้างป่าช้าแล้วเจอร่างนางฟ้าก็ถือว่าได้บุญกุศลมากเช่นกัน

สำหรับการล้างป่าช้าในปีนี้ทางผู้จัดงานเจอร่างนางฟ้า 2 ร่าง ร่างแรกเจอเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เหตุที่เรียกว่านางฟ้าเพราะเป็นศพนั้นเป็นผู้หญิง แต่หากเจอศพที่ไม่เน่าไม่เปื่อยเป็นผู้ชายจะเรียกเทวดา หากเป็นเด็กผู้ชายเราจะเรียกกุมารทอง และหากเป็นเด็กผู้หญิงจะเลือกกุมารี” ซึ่งตอนนี้ทางมูลนิธิเรามีนางฟ้าและกุมาทองและกุมารี ทั้งหมด 9 องค์ ทั้งนี้ในวันที่ 20 เม.ย.66 นี้ทางมูลนิธิจะทำการปิดป่าช้า หลังจากการปิดป่าในวันที่ 25 จะมีการล้างอัฐิ และจะมีการฌาปนกิจในวันที่ 30 เมษายนนี้ ที่สุสานมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมบ้านปากดง จึงอยากขอเชิญชวนสาธุชนผู้มีจิตอันเป็นกุศลทุกท่านร่วมงานในวันเวลาดังกล่าว

จ.เลย สำนักสงฆ์ศรีมหาโพธิ์ธรรม ต.วังไสย์ อ.ภูหลวง จัดพิธีบวงสรวงพระสีวลีเถระ องค์ที่ 639/789 แห่งประเทศไทย

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และ ข้อความพูดว่า "เรียนเชิญร่วมทำบุญ ถวายพระสิวสีเถระ ณ สำนักสงฆ์ศรีมหาโพธิ์ธรรม ต.วังไสย์ อ.ภูหลวงจ.เลย เจ้าภาพ นายนิวัฒร นางอภิรดี นิราศสูงเนิน พ.ต.ท.ภูวมินทร์ นางวลัยลักษณ์ อินนอก องค์ที่ ๖๓๙ วันศุกร์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ประธานตันบุญ พระครูวิมลธรรมสิริ (พระอาจารย์บัณฑิต ธัมมธโร) เจ้าอาวาสวัดเขาดินวนาราม เวลา ๑៦ៈ០០ น. สมโภธพระสีวลีเถระ ปฏิบัติธรรมข้ามคืน วันเสาร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖៦ เวลา ០๘:๓๐ น. พิธีบวงสรวงพระสีวสีเถระ ถวายภัตตาหารและไทยธรรม เสร็จพิธี"

วันที่ 1 เมษายน 2566 จัดพิธีถวายภัตตาหารและไทยธรรม แล้วร่วมพิธีบวงสรวงพระสีวลีเถระ องค์ที่ 639/789 แห่งประเทศไทย ณ สำนักสงฆ์ศรีมหาโพธิ์ธรรม ต.วังไสย์ อ.ภูหลวง

โดยมีเจ้าภาพ นายนิวัฒ นางอภิรดี นิราศสูงเนิน

พ.ต.ท. ภูวมินทร์ นางวลัยลักษณ์ อินนอก

ประธานต้นบุญ พระครูวิมลธรรมสิริ (พระอาจารย์บัณฑิต ธัมมะโร) เจ้าอาวาสวัดเขาดินวนนาราม

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน และ ผู้คนกำลังยืน

พระสีวลีเถระ หรือ พระสีวลี เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัคคะของพระพุทธเจ้า นับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล พระสีวลีเถระเป็นเจ้าชายในโกลิยวงศ์ ออกบวชในสำนักพระสารีบุตร บรรลุพระอรหันต์ในขณะที่ปลงเกศานั่นเอง และหลังจากผนวช ท่านเป็นผู้มีลาภสักการะมากด้วยกุศลกรรมที่ทำมาแต่อดีต ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทาง ผู้มีลาภมาก

อาจเป็นรูปภาพของ ขนมเค้ก และ ดอกไม้
โดยมี มูลนิธิพระสีวลีศิลปินดาราสายบุญ จัดสร้างเพื่ออัญเชิญ ประดิษฐาน ให้วัดต่างๆ ทั่วไทย แสดงธรรมในความรู้ ช่วงเสวยวิมุตติสุข จัดทำรายการหาธรรม แนวละครเพลงคติธรรม สร้างแรงบันดาลใจ โครงการ ประดิษฐาน พระสีวลี ๗๘๙ องค์ ทั่วไทย

ศูนย์วิปัสสนาเพชรโอฬารแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี- บวชชีพรามหณ์ คณะชมรมนางฟ้า โดยพระทวีพันธุ์ ปภัสสโร (พระวิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มาร์ค)

พระทวีพันธุ์ ปภัสสโร (พระวิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มาร์ค)

วันที่ 27 สิงหาคม 2565 คณะชมรมนางฟ้า จากทางภาคไต้ พร้อมกันมากราบทำพิธีบวชชีพรามหณ์ ที่ศูนย์วิปัสสนาเพชรโอฬารแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยมีพระอาจารย์มาร์คเป็นผู้ทำพิธี มีรายชื่อผู้เข้าบวชดั่งนี้

คุณสุปราณี ฤกษ์จำนง

คุณปานใจ ทรัพย์เพิ่ม

คุณดาริณี อ๋างสกุล

คุณรัชชกานต์ สมศิริชาติ

คุณมาลี อุทัยธรรมรงค์

คุณสุนันทา พิมพ์หนู

คุณปณิชา ตัณฑชน

คุณเพ็ญพักตร์ พัชรเมธานันท์

มาเรียนรู้ ปฎิบัติวิปัสสนาวิชาบารมีลิขิต เจริญจิตรภาวนา มาร์คส่องโลก

ศรีสะเกษ – ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ชวนร่วมบุญ “130 ปี วันสถาปนา มท.” ผุดสร้าง “พระพุทธมุนีศรีประชานาถ” วัตถุมงคล “ราชสีห์ทองคํา”

ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ชวนร่วมบุญ “130 ปี วันสถาปนา มท.” ผุดสร้าง “พระพุทธมุนีศรีประชานาถ” วัตถุมงคล “ราชสีห์ทองคํา” เพื่อความเป็นสิริมงคล

เมื่อเร็วๆนี้ นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันสถาปนากระทรวงมหาดไทยครบรอบ 130 ปี ในปีพุทธศักราช 2565 นี้ กระทรวงมหาดไทย ได้จัดสร้างพระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ ขนาดหน้าตัก 32 นิ้ว โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้โปรดประทานนามว่า “พระพุทธมุนีศรีประชานาถ” แปลว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งอันนำมาซึ่งความเจริญของปวงประชา และได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อตอบแทนแก่ผู้มีจิตศรัทธา ที่บริจาคเงินเข้ากองทุนสาธารณกุศล 130 ปี กระทรวงมหาดไทย จำนวน 6 รายการ ประกอบด้วย 1. ราชสีห์ทองคํา จัดสร้าง 260 องค์ สําหรับตอบแทนแก่ผู้บริจาคเงินจํานวน 90,000 บาท 2. ราชสีห์เงิน จัดสร้าง 2,565 องค์ สําหรับตอบแทนแก่ผู้บริจาคเงินจํานวน 5,000 บาท 3. ราชสีห์รมดํา จัดสร้าง 25,650 องค์ สําหรับตอบแทนแก่ผู้บริจาคเงินจํานวน 500 บาท 4. ราชสีห์ใหญ่โลหะพิเศษ จัดสร้าง 2,565 องค์ สําหรับตอบแทนแก่ผู้บริจาคเงินจํานวน 10,000 บาท 5. พระพุทธมุนีศรีประชานาถ พระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทย ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จัดสร้าง 1,300 องค์ สําหรับตอบแทนแก่ผู้บริจาคเงินจํานวน 13,000 บาท และ 6. เหรียญพระพุทธมุนีศรีประชานาถ และราชสีห์ 130 ปี กระทรวงมหาดไทย ขนาดเหรียญ 2.4 เซนติเมตร จัดสร้าง 20,000 เหรียญ สําหรับตอบแทนแก่ผู้บริจาคเงินจํานวน 130 บาท

ทั้งนี้กองทุนสาธารณกุศล 130 ปี กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบำรุงพุทธศาสนาตามโครงการสถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) ต.คลองเก้า อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อใช้ในการสงเคราะห์บุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และครอบครัวที่ประสบความทุกข์ยาก มีปัญหาความเดือดร้อน ประสบภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อจัดสร้าง “พระพุทธมุนีศรีประชานาถ” พระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทย ที่จะนำไปประดิษฐาน ณ ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่

จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินเข้า “กองทุนสาธารณกุศล 130 ปี กระทรวงมหาดไทย” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในโอกาสวันสถาปนากระทรวงมหาดไทยครบรอบ 130 ปี ในปีพุทธศักราช 2565 สำหรับผู้สนใจวัตถุมงคล “ราชสีห์ทองคำ” สามารถร่วมบริจาคได้ที่ Line Official “ราชสีห์ 130 ปี มท.” และวัตถุมงคลรายการอื่นๆ ร่วมบริจาคผ่าน ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ที่ https://amuletmoi.jubjaai.com/ และจะจัดส่งวัตถุมงคลผ่านทางไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ทั้งนี้ สั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป.

พิสิษฐ์ สิริวิริยะธนา ศรีสะเกษ // รายงาน

ที่มา: https://www.esandailyonline.com/

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม บรรยายพิเศษแก่ข้าราชการใหม่ ในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

‘พบ ขรก.ใหม่ ฝ่ายปกครอง’
ณ วิทยาลัยการปกครอง
อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

เมื่อเช้าวันนี้ (19 ก.พ. 62) เวลา 09.00 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม บรรยายพิเศษแก่ข้าราชการใหม่ ในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เรื่อง ‘ปรัชญาการเป็นข้าราชการที่ดี’ ณ วิทยาลัยการปกครอง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ม.ล.ปนัดดา กล่าวตอนหนึ่งในส่วนของสารัตถะการศึกษาเปรียบเทียบวิชาปรัชญาทางการปกครองว่า :

“อาจารย์ผู้เป็นที่เคารพรักยิ่งของผมส่งบทความมาให้ผมจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ นครหลวงของมาเลเซีย ประเทศนี้เป็นความทรงจำของครอบครัวผม ขณะคุณพ่อของผมดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำประเทศมาเลเซีย ถือเป็นอีกประเทศหนึ่งในประชาคมอาเซียนที่มีความรักความผูกพันกับประเทศไทย บทความมีใจความสำคัญ ดังนี้

‘เมื่อชาวจีนสมัยโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัย พวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาโดยเชื่อว่าจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถปีนข้ามมันมาได้เพราะสูงมาก

หากแต่ทว่า ภายในร้อยปีแรกหลังการสร้างกำแพงเสร็จ เมืองจีนกลับถูกรุกรานถึงสามครั้งสามครา

ในแต่ละครั้งกองทัพของศัตรูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะลวงกำแพงหรือปีนข้ามให้ยากเลยแม้แต่น้อย

ในทุกครั้งพวกเขาใช้วิธีการกินสินบาทคาดสินบนกับยามเฝ้าประตูแล้วเข้าทางประตูกำแพงนั่นเอง

เรื่องนี้สอนให้เราเห็นว่า ผู้ปกครองมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพงจนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง

เพราะการสร้างคนต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง และนี่คือสิ่งที่ผู้คนในทุกวันนี้ต้องตระหนักให้มาก ประสบการณ์ชีวิตถือเป็นหัวใจในการครองตน ครองคน และครองงาน อะไรรู้มากรู้น้อย ควรพูดหรือไม่ควรพูด ต้องไม่อวดดี หรือวัดรอยเท้าบรรพชน

นักบูรพาคดี ซึ่งได้แก่บุคคลสำคัญในการขับเคลื่อน ขยาย และยกระดับการรุกคืบของชาติตะวันตกบนผืนแผ่นดินโลกตะวันออกผู้หนึ่งกล่าวไว้ว่า ถ้าต้องการทำลายอารยธรรมของประชาชาติหนึ่งประชาชาติใด มีขั้นตอนอยู่สามอย่างที่ต้องทำซึ่งถือเป็นภยันตรายต่อความอยู่รอดปลอดภัย

1) ทำลายเอกภาพของครอบครัวและสังคม ให้แตกแยก เกิดความร้าวฉาน

2) ทำลายระบบการศึกษา ทำลายล้างระบบคุณธรรม จริยธรรม พูดถึงแต่เรื่องความร่ำรวย ความฟุ่มเฟือย มากกว่าเรื่องความซื่อตรง ความจริงใจ หลักสุจริตธรรม

3) ล้มบุคคลต้นแบบและตัวอย่างที่ดีงามในสังคมให้หมดสิ้น เหลือแต่บุคคลประเภทคุยโวโอ้อวด ปาก-ใจ-กาย ไม่ตรงกันสักอย่าง

เมื่อแม่ที่ฉลาด ครูที่จริงใจ มีความรู้ความสามารถ และต้นแบบที่ดีงามหายไปหมดสิ้น แล้วใครเล่าจะดูแลต้นกล้าเยาวชนให้เป็นอนาคตอันสว่างไสวของชาติบ้านเมือง เรื่องนี้ที่ผมขอให้น้องๆ ข้าราชการใหม่ช่วยกันขบคิด อาจตั้งขึ้นเป็นโจทย์ในชั้นเรียน ลงภาคสนาม และร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น ระยะยาว ไม่มีคำว่าท้อแท้ หรือถอดใจใดๆ เป็นอันขาด” ม.ล.ปนัดดา กล่าว

*ข้าวกล้า บันทึกคำบรรยาย
19-2-62

ข่าวสารกระทรวงยุติธรรม

พิพิธภัณฑ์วังวรดิศและหอสมุดสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน