โครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ ปีที่9 ทำกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนที่ ณ ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ อำเภออุ้มฝาง จังหวัดตาก

Best Breitling Blue Replica Watches For Sale.Buy Replica Breitling Watches online with cheap price.

Audemarswatches.com provide you with high quality the Audemars Piguet Replica wacthes.

Discover luxury with replicawatches.top impressive collection of replica watches for ladies.Elevate your style with these exquisite timepieces.

15-19 มกราคม พ.ศ.2567 ทีมงานช่างผมและเพื่อนๆในโครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ ปีที่9 เดินทางขึ้นดอยเพื่อมอบอุปกรณ์ต่างๆจำนวนทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวันให้กับเด็กๆชาวไทยภูเขาบนดอยสูง ณ ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ อำเภออุ้มฝาง จังหวัดตาก

ซึ่งมีผู้ริเริ่มโครงการการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ คือคุณ ละอองทอง จิระวนานนท์, คุณแทนทอง รอดไพรสม ,ครูเตี๋ยว แฮร์คัท, อ.นิด เกรียงไกร เม่นคล้าย ,Den Salontoday.

ทีมงานช่างผมและเพื่อนๆ ในกลุ่มมากกว่า 20 ชีวิต ได้เดินมุ่งหน้าขึ้น ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ อำเภออุ้มฝาง จังหวัดตาก เพื่อมอบทุนการศึกษา ทาสีอาคาร และซ่อมแซ่ม เลี้ยงอาหารกลางวันนักเรียนใน ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ ซึ่งที ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ มีครูเพียงท่านเดียวคือครูวรรณวิษา ศิริวรรณ และผู้ช่วย คุณชัยพรและนักเรียนชั้นเรียนประฌมศึกษาที่1-6 รวม 48 คน ทางคุณครูได้แจ้งของที่ต้องการมี อุปกรณ์ทำความสะอาด ชุดเครื่องครัว และ ทีวีสองเครื่องเพื่อใช้ในการสอน

ทางโครงการได้รับการสนับสนุนจากทาง บริษัทห้างร้านต่างๆ มีเจ้าภาพร่วมสนับสนุนงานสงเคราะห์ในถิ่นทุรกันดาร สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โรงงานเส้นก๋วยเตี๋ยวพงศ์ชัยฟู๊ด 30 โล , บริษัทไฮกรีตโปปรดักส์ แอนเทคโนโลยี จำกัด มอบสีทาอาคาร 10 ถัง, ซ้อมลชลบุรีบิวตี้ และอีกหลานท่านที่ไม่ได้กล่าว

โครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ มีแผนที่จะจัด กิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่อส่วนรวม อย่างนี้เรื่อยๆซึ่งปีหน้ามีแผนไปที่เชียงราย รึภาคอิสาน ในจุดที่ยังขาดแคลน บำเพ็ญประโยชน์อย่างนี้ ตามรอยพ่อเท้าพ่อต่อไปในทุกๆปี

ทางโครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ ขอขอบคุณผู้ใจบุญที่ได้ร่วมบริจาคเพื่อพัฒนาสังคม และสนับสนุนโครงการ ทางโครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อจะสืบสานบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมสืบไป.

บก.จิรวัฒน์ จิณณทองพิมพ์

พ่อเมืองศรีสะเกษ เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ “อาคารโดม อเนกประสงค์ โรงเรียนปรางค์กู่”

พ่อเมืองศรีสะเกษ เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ “อาคารโดม อเนกประสงค์ โรงเรียนปรางค์กู่”

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ลานอเนกประสงค์โรงเรียนปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ นายสำรวย เกษกุล ผวจ.ศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ “อาคารโดม อเนกประสงค์ โรงเรียนปรางค์กู่” โดยมี นายศิริมงคลรัตน์ วงษ์วรรณา ปลัดอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่แทนนายอำเภอปรางค์กู่ นางสุนีย์ อินฉัตร อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายชิษณุพงษ์ รตนกมลเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีตำบลปรางค์กู่ ดร.ฤทธา นันทพันธ์ ประธาน อ.ก.ค.ศ. สพม.ศรีสะเกษ-ยโสธร นางแสงเดือน เฉื่อยฉ่ำ รอง ผอ.สพม.ศรีสะเกษ-ยโสธร ว่าที่ ร.ต.ศุภชัย จันครา ผอ.โรงเรียนปรางค์กู่ นายอนุศาสน์ สมาน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการสมาคมผู้ปกครอง คณะกรรมการมูลนิธิการศึกษา ครูเก่า-ศิษย์เก่า คณะครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหารท้องที่/ท้องถิ่น หัวส่วนราชการทุกภาคส่วน และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับและร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

ว่าที่ ร.ต.ศุภชัย จันครา ผอ.โรงเรียนปรางค์กู่ กล่าวว่า โรงเรียนปรางค์กู่ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2510 โดยมีผู้บริหารคนแรก คือ นายอำไพ ธานี ตำแหน่ง ครูใหญ่ ในสมัยนั้น นับจนถึงวันนี้โรงเรียนมีอายุ 56 ปี และเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีครูและบุคลากร จำนวน 144 คน นักเรียน จำนวน 2,016 คน มีอาคารเรียน 4 หลัง/อาคารเรียนการงานอาชีพ 2 หลัง/อาคารศิลปะ-ดนตรี 1 หลัง โดมอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 1 หลัง หอประชุม 1 หลัง / โรงอาหาร 1 หลัง และอาคารประกอบอื่นอีก 2 หลัง

ทั้งนี้โรงเรียนปรางค์กู่ เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ เป็นสถานศึกษาที่ได้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์ มาอย่างมากมายหลายรุ่น โดยโรงเรียนมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ มีผู้บริหาร-บุคลากรที่เข้มแข็ง มีครู-นักเรียนที่เก่ง สร้างชื่อเสียงในระดับชาติและสากล ตลอดจนมีภูมิทัศน์ที่เหมาะสมสวยงาม ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การพัฒนาให้เข้ากับสถานกาณ์ในปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลง แข่งขัน และก้าวกระโดด ไปอย่างรวดเร็ว

จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน และฤดูมรสุม นักเรียนจะประสบปัญหาอย่างมากในการเข้าแถวหน้าเสาธง และการทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างอื่น ดังนั้นจากการประชุมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรรมการสมาคมผู้ปกครอง-ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนปรางค์ ได้มีมติร่วมกันในการสร้างอาคารโดมอเนกประสงค์ขึ้น โดยเป็นอาคารขนาดพื้นที่ 40×60 เมตร มีพื้นที่ใช้สอย 2,400 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบการก่อสร้างโดย สำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดศรีสะเกษ (แบบ ยผจ.ศก 28/2566)งบประมาณในการก่อสร้าง จำนวน 8,199,000 บาท

โดยอาคารโดมอเนกประสงค์หลังนี้ จะเป็นอาคารโดมขนาดใหญ่ที่สามารถ จุคนได้จำนวน 2,000 คน มีพื้นที่ว้างขวาง สามารถทำกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย และเพื่อการใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อโรงเรียน ชุมชน ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ ที่น่าอยู่ น่าเรียน ทันสมัย ปลอดภัย และยังสร้างความภาคภูมิใจ ความเชื่อมั่นศรัทธาจากชุมชน และสาธารณชน สืบไป

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน

เทศบาลเมืองมหาสารคามร่วมกับบริษัทโนเทโร่ จำกัด ผนึกกำลังสร้างเสริมการเรียนการสอนดนตรีอัจฉริยะผ่านระบบเกม เพื่อรองรับพัฒนาเมืองมหาสารคามสู่ SMART CITY

วันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2566 นายภาคิน ติระพงศ์ไพบูลย์ นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลโพธิ์ศรี เพื่อติดตามความคืบหน้าในโครงการนำร่องการเรียนดนตรีอัจฉริยะ ผ่านรูปแบบ SMART MUSIC (การเรียนผสมผสานในรูปแบบเกม) ของบริษัท โนเทโร่ จำกัด เพื่อผสานต่อนโยบาย SMART CITY ของเทศบาลเมืองมหาสารคาม

โดยท่านนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคามได้มีความสนใจในการเรียนการสอนดนตรีอยู่แล้ว ผนวกกับได้พบรูปแบบการเรียนการสอน SMART MUSIC เป็นวิธีการสอนที่แปลกใหม่ใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กโทรนิกโดยให้เด็กได้มีส่วนร่วมในความสนุกด้วยการเล่นเกมหรือตุ๊กตาที่เด็กดูแล้วมีความสนใจ แถมมีเพลงประกอบ ทำให้เด็กมีความสนใจทำให้ใส่ใจในการเรียนการเล่นอย่างเต็มที่ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในการเรียนดนตรี โดยหลังจากท่านนายกภาคินได้นำการเรียนรูปแบบใหม่ดำเนินการนำร่องสู่โรงเรียนจริงแล้วพบว่า เด็กมีความสนุกสนานและที่สำคัญคือเด็กมีความสนใจในเรื่องของการเล่นดนตรีผ่านระบบ SMART MUSIC

ถ้าเด็กมีความสนใจแล้วเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดใจ การเรียนดนตรีนั้นนอกจากความสนุกแล้วยังได้เรื่องของพัฒนาการต่างๆอีกมากมาย เช่น เรื่องของอารมณ์ กล้ามเนื้อ การอยู่ในสังคม การกล้าแสดงออก ท่านนายกคิดว่าเด็ก ๆ ก็จะมีการพัฒนาการตามมา เป็นจุดที่ทำให้ท่านนายกคิดว่ามาถูกทาง โดยเทศบาลเมืองมหาสารคามถือว่าเมืองมหาสารคามเป็นเมืองตักสิลา หรือเมืองแห่งการศึกษา มีวิสัยทัศน์ว่า เมืองแห่งการเรียนรู้ ผู้คนมีสุข การเรียนไม่หยุดนิ่ง ปัจจุบันเทคโนโลยีมีผลอย่างมากต่อชีวิต การเรียนรู้ก็ต้องสร้างทักษะเรื่องการเรียนรู้เรื่องของนวัตกรรมให้กับลูกหลานเรา เป็นการตอบโจทย์ด้านนวัตกรรมผ่าน SMART MUSIC CLASSROOM (ห้องเรียนดนตรีอัจฉริยะ) โดยเรียนรู้ดนตรีผ่านระบบนวัตกรรม เราสามารถเรียนได้พร้อมๆกันและประเมินผลได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ในทันที

ถือว่าเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ ทำให้เราสามารถรู้ถึงศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน ว่ามีการพัฒนาไปถึงระดับไหนและสามารถติดตามด้านการพัฒนาด้านอารมณ์ เรื่องของการเรียนไปด้วย ถือว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีอีกชิ้นหนึ่ง โดยการเรียนรู้นั้นมีหลากหลาย เด็กรุ่นใหม่ที่ต้องมีพร้อมคือต้องมีภาวะทางอารมณ์ การอยู่ในสังคมได้และที่สำคัญที่สุดคือภาวะความคิดสร้างสรรค์ เป็นพื้นฐานที่เทศบาลเมืองมหาสารคาม โรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 8 แห่ง โดยมีมุมมองว่าทุกโรงเรียนต้องมีพื้นฐานทางด้านดนตรี ให้เด็กมีจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นชีวิตและสังคมที่มีสุข ทำให้อยู่ในสังคมได้ดียิ่งขึ้น โดยประชาชนที่ส่งบุตรหลานมาเรียนกับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองมหาสารคาม โดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย ถือว่าเป็นการลดความเหลือมล้ำด้านการศึกษาให้กับประชาชนชาวมหาสารคาม โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือนมากก็สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางนโยบายด้านการศึกษาของเทศบาลเมืองมหาสารคาม และสิ่งที่ระบบ SMART MUSIC CLASSROOM มอบให้อย่างดีคือการวัดผลทันที โดยมองเห็นศักยภาพในการประเมินศักยภาพของเด็กได้ดี โดยเป็นเครื่องมือช่วยเหลือคุณครู แถมยังสามารถสร้างความสนใจจากสื่อคือเกม และตัวการ์ตูนทำให้เด็กมีความสนใจและมีสมาธิมากขึ้น การเรียนไปด้วย สนุกไปด้วย เด็กได้ทำในสิ่งที่ชื่นชอบน่าจะทำให้เด็กประสบความสำเร็จและมีความสุขในเรื่องการเรียนด้วย โดยปัจจุบันเทศบาลเมืองมหาสารคามได้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมด้านเมืองอัจฉริยะ

ใช้เทคโนโลยีในการอำนวยความสะดวก และคนในชุมชนเข้าถึงการบริการ โดยมีความ SMART ทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ การขายสินค้าออนไลน์ การเรียนอัจฉริยะ การรับร้องเรียนผ่านทาง LINE OA ความใกล้ชิดระหว่างประชาชนและเทศบาลจะใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็น data เพื่อใช้พัฒนางานของเทศบาลเมืองมหาสารคามต่อไป

ศรีสะเกษ – ชมรมครูประถมศึกษาศรีสะเกษ ออกแถลงการณ์ การยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ เดินหน้าปฏิวัติการศึกษาพัฒนาประเทศ

ชมรมครูประถมศึกษาศรีสะเกษ ออกแถลงการณ์ การยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ เดินหน้าปฏิวัติการศึกษาพัฒนาประเทศ

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ห้องประชุมศรีสวัสดิ์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ดร.สุนทร กุมมรีจิตร ประธานชมรมครูประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ นำสมาชิกของชมรมครูประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ ที่ประกอบด้วย องค์กรครู ผู้ประกอบวิชาชีพครู ทั้ง 22 อำเภอ ใน จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันแถลงการณ์การดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… โดยการสนับสนุนและมอบหมายจากคณะยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ซึ่งการยกร่างได้สำเร็จและนำสู่การวิพากษ์โดยผู้นำ ผู้ประกอบวิชาชีพครูจังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษ เพื่อนำสู่แนวทางการปฏิวัติการศึกษาไทย

ดร.สุนทร กุมมรีจิตร ประธานชมรมครูประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า สำหรับแถลงการณ์ การยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ ปฏิวัติการศึกษาพัฒนาประเทศ ในครั้งนี้ มีสาระกรอบแห่งการปฏิรูปการศึกษา 8 ประการ ดังนี้ ข้อ 1 รัฐต้องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลักสำคัญต่อไปโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดใด เพื่อให้การศึกษาสะอาดบริสุทธิ์เป็นคุณประโยชน์แก่นักเรียนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ข้อ 2 ยกฐานะโรงเรียนของรัฐทุกโรงเรียนเป็นนิติบุคคล มีอิสระในการบริหารจัดการ ข้อ 3 พัฒนาวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูงอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้นักเรียนได้ครูเก่งและดีที่สุดเหมือนกันทั้งประเทศ

ข้อ 4 สร้างหลักสูตรการศึกษาอย่างหลากหลายเพื่อพัฒนาความถนัดและพรสวรรค์ของนักเรียนเป็นรายบุคคล สู่สัมมาชีพ ข้อ 5 สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูทั้งของรัฐและเอกชน ผลิตสื่อ วัสดุอุปกรณ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี สื่อดิจิทัลที่มีในโลกออนไลน์ เพื่อการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ข้อ 6 กระจายอำนาจการบริหารการศึกษาในราชการส่วนกลางและสถานศึกษา โดยยึดหลักการการมีส่วนร่วม ด้วยรูปแบบคณะกรรมการไตรภาคี ข้อ 7 ส่งเสริมให้ประชาชนและเอกชนร่วมจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเมื่อมีคุณสมบัติพร้อม รัฐจัดเงินอุดหนุนนักเรียนทุกคนเท่ากับนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนของรัฐ และข้อ 8 พัฒนาสถาบันผลิตครูให้มีความพร้อมทุกด้าน ครูของครูจะต้องเป็นข้าราชการครู มีจิตวิญญาณครูเข้มข้น “มีจิตผูกพันและห่วงใยลูกศิษย์และนักเรียนลูกหลานไทยมากกว่าใคร” มีคุณสมบัติเป็นแม่พิมพ์ของชาติที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ชมรมครูประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ จะได้นำเสนอไปยังหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทุกภาคส่วน ได้ศึกษาและวิพากษ์ ให้มีความสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐบาลและผู้มีอำนาจพิตตารณาต่อไป.

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน

จ.อุบลราชธานี-ชาวบ้านศิษย์เก่าโรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดม กว่า 100 คน ประท้วงคัดค้านเปลี่ยนชื่อโรงเรียน

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่โรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี มีชาวบ้านศิษย์เก่าโรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดม กว่า 100 คนรวมตัวกันชูป้ายข้อความไม่เปลี่ยนชื่อโรงเรียน,หนีไปนางมารร้าย GETOUT,ออกไป เพื่อคัดค้าน การเปลี่ยนชื่อโรงเรียน จากเดิมโรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดม จะเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนอนุบาลเดชอุดม โดยในวันนี้จะมีการประชุมประชาคมเพื่อขอมติในการเสนอเปลี่ยนชื่อโรงเรียนที่หอประชุมบัวชมพู โรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดม โดยมีกรรมการสถานศึกษา ชาวบ้านจาก 8 หมู่บ้าน มาประชุมประชาคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นปรึกษาหารือ กำหนดแนวทางการทำประชาพิจารณ์ โดยในที่ประชุมชาวบ้านกว่า 100 คนได้ยกมือคัดค้านแสดงความไม่เห็นด้วยในการเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดม ซึ่งจะตัดคำว่านาคสมุทรออกเปลี่ยนเป็นโรงเรียนอนุบาลเดชอุดม

ด้านนายเจษฎาพงษ์ ไชยเดช ศิษย์เก่า กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดมเป็นโรงเรียนอนุบาลเดชอุดมอย่างเดียวเพราะโรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดมประวัติความเป็นมาและมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งสำหรับวัดบ้านโรงเรียนชุมชนต่างๆที่อยู่ใกล้โรงเรียนอนุบาลนาคสมุทรเดชอุดมโดยวันนี้เรามาแสดงพลังความกตัญญู ต่อเวทีต่อผู้มีอุปการะคุณที่ร่วมสร้างร่วมส่งเสริมโรงเรียนนาคสมุทรให้อยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน ที่เรามารวมตัวกันล้วนแล้วแต่เป็นพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านตลาดศรีอุดมและชาวบ้านละแวกนี้ที่อยู่ในเขตบริการของโรงเรียนและศิษย์เก่าที่อยู่ทั่วโลกทุกคนที่ทราบข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนทุกคนล้วนแล้วแต่ลงชื่อทางออนไลน์ จึงอยากมาแสดงพลังว่าให้คงคำว่านาคสมุทรไว้กับโรงเรียนนี้และการรวมพลังของเรา ก็เป็นการรวมพลังของเสียงส่วนใหญ่ของชุมชนของศิษย์เก่าเราไม่ได้อยากจะขัดแย้งกับใครเราไม่อยากมีเรื่องมีราวกับใครแต่เราทำเพื่อส่วนรวมเพื่อชุมชนและขอบอกเลยว่าไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ซึ่งศิษย์เก่ามีทั้ง สจ. สท.และผู้บริหารท้องถิ่นก็ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนซึ่งมารวมตัวกันอยากจะขอคัดค้านการเปลี่ยนชื่อโรงเรียน

นายประมวล ใจภักดี รอง ผอ.สพป.อุบลราชธานี เขต 5 กล่าวว่าการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนต้องเปลี่ยนตามกฏกระทรวงศึกษาธิการ ผู้นำโรงเรียนหรือผู้นำองค์กรก็ต้องคิดถึงส่วนรวมด้วยว่ามีการคัดค้านหรือเปล่า ซึ่งการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนนั้นมี 3 ขั้นตอนเช่นคณะครูต้องพร้อมใจกันและเห็นพ้องต้องกันในการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนหลังจากที่ครูยินยอมแล้วก็จะเอานำเข้าคณะกรรมการสถานศึกษา และที่สำคัญต้องนำเข้าวาระเพื่อการพิจารณา จะต้องนำเข้าประชาคม เพื่อทำประชาพิจารณ์ หากมีการคัดค้านก็จะต้องนำไปพิจารณาประกอบด้วย

ภาพ/ข่าว:ยงยุทธ ผูกพันธ์ อุบลราชธานี

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

ขอนแก่น – คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มข. เปิดศูนย์ ALIBABA INCUBATION CENTER เชิญชวนผู้ที่สนใจ อบรม 6 คอร์สพิเศษ มุ่งพัฒนาธุรกิจ E-COMMERCE เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการยุคดิจิทัล

คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี  มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมเปิดศูนย์ Alibaba Incubation Center โดยมี รศ. ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน  รศ. ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นผู้กล่าวรายงาน  พร้อมด้วย รศ.ดร.สุมาลี ชัยเจริญ  คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คุณนเรนทร์ ทองกวาว ผู้อำนวยการ บริษัท ซีซีเอ็น พาร์ทเนอร์ จำกัด   ผู้แทนอย่างเป็นทางการของ Alibaba GDT Thailand คุณภูมิพัชร ฉัตรชัยรุ่งเรือง Alibaba Specialistร่วมในกิจกรรม ในการนี้มี มีคณาจารย์ นักศึกษา และสื่อมวลชนมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ณ ห้องวังเลิศ ชั้น 1อาคาร BS.01 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่นนอกจากนี้ยังมีการLive ผ่านเพจ Alibaba GDT Thailand ร่วมด้วย เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา

รศ. ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า  ตามที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ลงนามความร่วมมือด้านวิชาการร่วมกับ Alibaba Global Digital Talent (GDT) เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้ กิจกรรม และร่วมพัฒนาหลักสูตรสู่การสร้างธุรกิจในยุคดิจิทัลให้แก่นักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น และพัฒนาศักยภาพในการก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล ซึ่งคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้นำหลักสูตรและองค์ความรู้ของ Alibaba GDT ผนวกเข้ากับหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต เพื่อส่งเสริมและปรับรูปแบบการสอนสู่การทำธุรกิจแบบ eCommerce

“จากการลงนามความร่วมมือด้านวิชาการระหว่าง คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ Alibaba Global Digital Talent (GDT) เมื่อปีที่ผ่านมา นำมาสู่การจัดตั้งศูนย์ Alibaba GDT Incubation Centerซึ่งเป็นศูนย์สนับสนุน ช่วยเหลือและส่งเสริมเยาวชน บุคคลทั่วไปและผู้ประกอบการที่สนใจการทำธุรกิจE-commerce โดยใช้ Digital Technology และจัดทำหลักสูตรอบรมKKBS Digital Entrepreneur Journey (Short Course) ซึ่งมีทั้งหมด 6 หลักสูตร ดังนี้   Lesson 1 :มุมมองการทำธุรกิจของ Alibaba (Business mindset in the view of Alibaba in Digital Era)   Lesson 2: การสร้างตัวตนของธุรกิจส่วนตัว (Business Profiling)  Lesson 3: การตลาดดิจิทัล Digital Marketing  Lesson 4: การค้าปลีกในยุคดิจิทัล (Digital Retailing)  Lesson 5: เจาะแผนกลยุทธ์การค้าส่งกับ Alibaba.com  (Wholesale eCommerce with Alibaba.com) Lesson 6: ส่งออกธุรกิจกับ EXIM Bank (Exporting Your Business with EXIM Bank) หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปิดศูนย์Alibaba GDT Incubation Center และ การเปิดคอร์สอบรม KKBS Digital Entrepreneur Journey (Short Course) 6 หลักสูตร ในครั้งนี้จะสามารถพัฒนาและสร้างประโยชน์ให้แก่คณาจารย์บุคลากร นักศึกษา บุคคลทั่วไป และมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้เป็นอย่างดี” คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าว

ทั้งนี้หลักสูตรอบรมKKBS Digital Entrepreneur Journey (Short Course) จะเป็นการเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์โดยตรงสามารถนำความรู้ไปปรับใช้กับธุรกิจได้จริงค่าหลักสูตรนำไปลดหย่อนภาษีได้สำหรับรูปแบบการเรียนการสอน เป็นการเรียนออนไลน์ผ่านทางZoom meeting และเรียนย้อนหลังผ่านทาง KKBSXแพลตฟอร์ม  โดยมี วิทยากรหลักและวิทยากรพิเศษจากคณาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชน ระยะเวลาการเรียน 60 ชั่วโมงเปิดสอนระหว่างวันที่ 23 เมษายนถึง 19 มิถุนายน 2565 รับสมัครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเมื่อเรียนจบจะได้รับประกาศนียบัตรทุกหลักสูตรผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เพจKKBSX

ที่มา : https://www.esandailyonline.com

ครบรอบ 19 ปี วิทยาลัย จีเทค เปิดตู้ปันสุข ตามสั่ง สู้ภัยโควิด – 19 แห่งเเรกของอำเภอชุมแพ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 พ.ค.63 นางสุภาวดี ศรีสุขวัฒน์ นายอำเภอชุมแพ จ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน วันสถาปนาวิทยาลัยเทคโนโลยีชุมแพ ไทย – เยอรมัน (จีเทค) ครบรอบ 19 ปี โดยมี ผศ.ดร.เกรียงไกร ปัญญาประเสริฐกุล ผู้ก่อตั้ง / ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีชุมแพ ไทย – เยอรมัน (จีเทค) ให้การต้อนรับ มี พ.ท.อุเทน จีนทองหลาง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 (ค่าย ร.8 พัน 2) ร่วมเป็นเกียรติในงาน

สำหรับการจัดงานได้จัดขึ้นแบบเรียบง่าย ช่วงเช้าได้จัดพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายเพลเเด่พระสงฆ์ 9 รูป ก่อนร่วมกันเปิด “ตู้ปันสุข ตามสั่ง” ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารพระชัยบารมี ตรงทางเข้าประตูวิทยาลัย เพื่อให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อน จากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ได้เข้ามาเลือกสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีพ แบบตามใจ ตามสั่ง คือ ทุกคนสามารถเลือกสั่ง สิ่งของที่อยากได้ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ กดยืนยันข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ได้ทันที ถือเป็นแห่งแรกในอำเภอชุมแพ ที่จัดตู้ปันสุข ให้บริการในรูปแบบนี้

หลังจากนั้นช่วงบ่าย ได้ร่วมกันแจกถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ไก่ เสื้อผ้า น้ำดื่ม จำนวน 220 ชุดให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนไข่ไก่ จำนวน 220 แผง จากเบทาโกร สาขาชุมแพ เพื่อแจกจ่าย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เทศกิจเทศบาลเมืองชุมแพ ร่วมกันจัดระเบียบและทำการตรวจคัดกรองประชาชนตามมาตรการการป้องกันโรค โควิด-19 อย่างเคร่งครัด วัดไข้ ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากและเว้นระยะในการต่อแถว

ด้าน ผศ.ดร.เกรียงไกร ปัญญาประเสริฐกุล กล่าวว่า ทางวิทยาลัย จีเทค มีความห่วงใยสังคม จึงได้จัดโครงการช่วยเหลือสังคม เปิด “ตู้ปันสุข ตามสั่ง” ขึ้น เนื่องในโอกาส วันสถาปนาวิทยาลัยฯ ครบรอบ 19 ปี เพื่อร่วมแบ่งปันสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ใกล้เคียง หวังช่วยลดภาระค่าครองชีพในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับตู้ปันสุข ตามสั่ง จะพิเศษและแปลกกว่าที่อื่น คือ ชาวบ้านเข้ามายืนกดรายการตามที่มีภาพขึ้นให้ ลงในจอคอมพิวเตอร์ เลือกสิ่งของที่อยากได้ แล้วกดยืนยันจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับรายการที่หน้าจอข้างใน และจัดสิ่งของที่ต้องการรวบรวมใส่ถุง ก่อนยื่นกลับออกมาให้ ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านได้รับของที่ต้องการจริงๆ เพื่อลดปัญหาของหมด ของหาย หรือมีผู้ฉวยโอกาสนำสิ่งของออกไปจากตู้มากเกินความจำเป็น จนทำให้ผู้เดือดร้อนไม่ได้รับสิ่งของช่วยเหลือ

ทั้งนี้ ผู้ที่มีจิตศรัทธาก็สามารถนำสิ่งของต่างๆมามอบให้กับทางวิทยาลัย เพื่อแบ่งปันส่งต่อให้คนที่ยังขาดแคลน เป็นการแสดงน้ำใจให้แก่กันและคาดหวังว่า โครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป

ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เข้าร่วมประชุม ดร.ธนารัชต์ สมเคเณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑

ข่าวประชาสัมพันธ์

ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เข้าร่วมประชุม ดร.ธนารัชต์ สมเคเณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต ๑ และ ประธานมูลนิธิครูของแผ่นดิน
ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต๑ เพื่อร่วมการประชาสัมพันธ์การศึกษาและรณรงค์อนุรักษ์ประเพณีไทยเพื่อให้เยาวชนไทย รักแผ่นดินไทย
ติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าในรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก รับรองไม่ผิดหวังในการนำเสนอในรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
..เลอค่าที่คุณห้ามพลาดในรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

Cr..รายการคืนคุณให้แผ่นดิน ททบ.5

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม บรรยายพิเศษแก่ข้าราชการใหม่ ในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

‘พบ ขรก.ใหม่ ฝ่ายปกครอง’
ณ วิทยาลัยการปกครอง
อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

เมื่อเช้าวันนี้ (19 ก.พ. 62) เวลา 09.00 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม บรรยายพิเศษแก่ข้าราชการใหม่ ในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เรื่อง ‘ปรัชญาการเป็นข้าราชการที่ดี’ ณ วิทยาลัยการปกครอง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ม.ล.ปนัดดา กล่าวตอนหนึ่งในส่วนของสารัตถะการศึกษาเปรียบเทียบวิชาปรัชญาทางการปกครองว่า :

“อาจารย์ผู้เป็นที่เคารพรักยิ่งของผมส่งบทความมาให้ผมจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ นครหลวงของมาเลเซีย ประเทศนี้เป็นความทรงจำของครอบครัวผม ขณะคุณพ่อของผมดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำประเทศมาเลเซีย ถือเป็นอีกประเทศหนึ่งในประชาคมอาเซียนที่มีความรักความผูกพันกับประเทศไทย บทความมีใจความสำคัญ ดังนี้

‘เมื่อชาวจีนสมัยโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัย พวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาโดยเชื่อว่าจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถปีนข้ามมันมาได้เพราะสูงมาก

หากแต่ทว่า ภายในร้อยปีแรกหลังการสร้างกำแพงเสร็จ เมืองจีนกลับถูกรุกรานถึงสามครั้งสามครา

ในแต่ละครั้งกองทัพของศัตรูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะลวงกำแพงหรือปีนข้ามให้ยากเลยแม้แต่น้อย

ในทุกครั้งพวกเขาใช้วิธีการกินสินบาทคาดสินบนกับยามเฝ้าประตูแล้วเข้าทางประตูกำแพงนั่นเอง

เรื่องนี้สอนให้เราเห็นว่า ผู้ปกครองมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพงจนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง

เพราะการสร้างคนต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง และนี่คือสิ่งที่ผู้คนในทุกวันนี้ต้องตระหนักให้มาก ประสบการณ์ชีวิตถือเป็นหัวใจในการครองตน ครองคน และครองงาน อะไรรู้มากรู้น้อย ควรพูดหรือไม่ควรพูด ต้องไม่อวดดี หรือวัดรอยเท้าบรรพชน

นักบูรพาคดี ซึ่งได้แก่บุคคลสำคัญในการขับเคลื่อน ขยาย และยกระดับการรุกคืบของชาติตะวันตกบนผืนแผ่นดินโลกตะวันออกผู้หนึ่งกล่าวไว้ว่า ถ้าต้องการทำลายอารยธรรมของประชาชาติหนึ่งประชาชาติใด มีขั้นตอนอยู่สามอย่างที่ต้องทำซึ่งถือเป็นภยันตรายต่อความอยู่รอดปลอดภัย

1) ทำลายเอกภาพของครอบครัวและสังคม ให้แตกแยก เกิดความร้าวฉาน

2) ทำลายระบบการศึกษา ทำลายล้างระบบคุณธรรม จริยธรรม พูดถึงแต่เรื่องความร่ำรวย ความฟุ่มเฟือย มากกว่าเรื่องความซื่อตรง ความจริงใจ หลักสุจริตธรรม

3) ล้มบุคคลต้นแบบและตัวอย่างที่ดีงามในสังคมให้หมดสิ้น เหลือแต่บุคคลประเภทคุยโวโอ้อวด ปาก-ใจ-กาย ไม่ตรงกันสักอย่าง

เมื่อแม่ที่ฉลาด ครูที่จริงใจ มีความรู้ความสามารถ และต้นแบบที่ดีงามหายไปหมดสิ้น แล้วใครเล่าจะดูแลต้นกล้าเยาวชนให้เป็นอนาคตอันสว่างไสวของชาติบ้านเมือง เรื่องนี้ที่ผมขอให้น้องๆ ข้าราชการใหม่ช่วยกันขบคิด อาจตั้งขึ้นเป็นโจทย์ในชั้นเรียน ลงภาคสนาม และร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น ระยะยาว ไม่มีคำว่าท้อแท้ หรือถอดใจใดๆ เป็นอันขาด” ม.ล.ปนัดดา กล่าว

*ข้าวกล้า บันทึกคำบรรยาย
19-2-62

ข่าวสารกระทรวงยุติธรรม

พิพิธภัณฑ์วังวรดิศและหอสมุดสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

การพัฒนาการเมืองการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’

ข่าวสารกระทรวงยุติธรรม

ณ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ’

“พระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงพระกรุณาพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่อาณาประชาราษฎร์มาโดยตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ปวงชนชาวไทยเคารพรักพระองค์ท่านหาใช่เป็นเพียงเรื่องของเอกลักษณ์ แต่เป็นความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ กล่าวคือ บุญคุณอันใหญ่หลวง ความจงรักภักดี ความผูกพันที่ปวงชนชาวไทยไม่เคยอยู่ห่างไกลทางจิตใจกับพ่อหลวงของแผ่นดิน ดังนั้น ผู้ใดพูดจาว่ากล่าวแผ่นดินเกิด ชาติกำเนิด คงมองได้หลายสาเหตุ เหตุหนึ่งคือการขาดความรู้ความเข้าใจ ไม่เคยรู้เรื่องสงคราม ไม่เคยล่วงรู้อย่างลึกซึ้งถึงบุญคุณของบรรพชนที่ดำรงรักษาประเทศชาติมาด้วยความยากลำบาก อาทิ ขบวนการเสรีไทยที่ได้มีบทบาทอันสำคัญในการดำรงรักษาเอกราชของประเทศตราบทุกวันนี้”
/ปนัดดา
กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ
18 ก.พ. 62

บ่ายวันนี้ (18 ก.พ. 62) เวลา 13.00 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ‘การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ ให้แก่นายทหารสัญญาบัตรที่เข้ารับการศึกษาหลักสูตรนายทหารชั้นผู้บังคับฝูง รุ่นที่ 133 ณ ห้องบรรยาย โรงเรียนนายทหารชั้นผู้บังคับฝูง กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ กองทัพอากาศ ดอนเมือง

พิพิธภัณฑ์วังวรดิศและหอสมุดสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน