![](https://siamburapha.com/wp-content/uploads/2022/03/S__11747332.jpg)
![](https://siamburapha.com/wp-content/uploads/2022/03/S__9946592-487x365-1.jpg)
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมสำรวจความเสียหายป่าเชิงเขาภูสิงห์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและธรรมชาติของจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่ จากการเกิดเหตุไฟป่าโหมไหม้นานกว่า 7 ชั่วโมง ขณะที่ทางจังหวัดกาฬสินธุ์คาดโทษมือลักลอบเผาป่าทุกประเภท โดยระวางโทษสูงสุดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี
![](https://siamburapha.com/wp-content/uploads/2022/03/S__9961497-487x365-1.jpg)
จากกรณีเกิดเหตุป่าโหมไหม้ภูสิงห์ ด้านหลังวัดพุทธาวาสภูสิงห์ อ.สหัสขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.กาฬสินธุ์ โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดสกัดเปลวเพลิงและทำแนวกันไฟ โดยใช้เวลานานกว่า 7 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเปลวเพลิงไว้ได้ โดยเหตุเกิดเวลาประมาณ 12.00 -19.00 น.ของวันที่ 16 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา สำรวจเบื้องต้นได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่
![](https://siamburapha.com/wp-content/uploads/2022/03/S__9946632-487x365-1.jpg)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 ที่บริเวณเชิงเขาภูสิงห์ ด้านหลังวัดพุทธาวาสภูสิงห์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งการให้นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ ร่วมกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อปพร. เจ้าหน้าที่ อส. ได้ร่วมกับพระครูสิริพัฒน์นิเทศก์ รองเจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ ลงพื้นที่ร่วมกันสำรวจพื้นที่หลังเปลวเพลิงสงบลง เบื้องต้นได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่ และพบว่ายังมีบางจุดที่สะเก็ดไฟได้เกิดการปะทุขึ้นมาอีก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและมีลมแรงตลอดเวลา
นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุป่าโหมไหม้เชิงเขาภูสิงห์ โดยมีต้นเพลิงจากบริเวณด้านหลังภูสิงห์ ทุกฝ่ายได้ระดมกำลังฉีดสกัดเปลวเพลิงและทำแนวกันไฟอย่างสุดความสามารถ กระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น.ของคืนวันที่ 16 มี.ค.65ที่ผ่านมา ในภาพรวมสามารถควบคุมได้ แต่ก็ยังคงมีเจ้าหน้าที่คอยลาดตะเวนตลอดคืน เพื่อป้องกันการปะทุและลุกไหม้อีก เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และมีกระแสลมแรงตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เพื่อความมั่นใจว่าเพลิงได้สงบและดับสนิท ไม่เกิดการลุกลามขึ้นมาอีก ในวันนี้จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสำรวจความเสียหาย พบว่าพื้นที่ที่ถูกไฟป่าโหมไหม้ได้รับความเสียหายประมาณ 500 ไร่ ไม่มีทรัพย์สินของทางวัดเสียหาย และไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
![](https://siamburapha.com/wp-content/uploads/2022/03/S__9946594-487x365-1.jpg)
ด้านนายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสำรวจบริเวณต้นเพลิง ซึ่งอยู่เชิงเขาและด้านหลังว่าพุทธาวาสภูสิงห์ ประกอบคำให้การของชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่าสาเหตุของการเกิดไฟป่าครั้งนี้ เกิดจากการกระทำของชาวบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน เพราะต้องการเผาป่า เพื่อที่จะได้มีอาหารป่าเกิดตามธรรมชาติขึ้นมาใหม่ในฤดูต้นฝนที่กำลังจะมาถึง โดยหลังจากเกิดไฟป่า อาหารป่าจำพวกผักหวานป่า หน่อไม้ เห็ดป่า หรือยอดไม้บางชนิดที่รับประทานได้จะเริ่มผลิใบ สามารถหาเก็บได้ง่าย โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายป่าและทำให้สัตว์ป่าเป็นอาหารสูญพันธ์จากการถูกไฟไหม้ และยังเป็นการประทำผิดกฎหมายร้ายแรงอีกด้วย
![](https://siamburapha.com/wp-content/uploads/2022/03/S__9946656-487x365-1.jpg)
นายอัครพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ พรบ.คุ้มครองป่าทุกประเภท และ พรบ.คุ้มครองสัตว์สงวน ได้กำหนดบทลงโทษไว้สูงมาก ทั้งนี้ ในส่วนของประกาศ จ.กาฬสินธุ์ โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้ออกประกาศ ห้ามมิให้มีการเผา ลักลอบเผาป่าโดยเด็ดขาด โดยออกประกาศประจำปี 2565 กำหนดระวางโทษผู้ทำการจุดไฟเผาป่าหรือปล่อยให้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าถือเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือเผาป่าเสียหายพื้นที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท ทั้งนี้ทางจังหวัดได้มีคำสั่งไปส่วนราชการ ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกแห่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
![](https://siamburapha.com/wp-content/uploads/2022/03/S__9961547-487x365-1.jpg)
ที่มา : https://www.esandailyonline.com/