นครพนม – นักเรียนชั้นประถมโรงเรียนดัง อ.บ้านแพง พกประทัดดัดแปลงเกิดระเบิดได้รับ บาดเจ็บ 2 ราย

นักเรียนชั้นประถมโรงเรียนดัง อ.บ้านแพง พกประทัดดัดแปลงเกิดระเบิดได้รับ บาดเจ็บ 2 ราย เตือนช่วงลอยกระทงดูแลบุตร-หลานใกล้ชิด เล่นประทัดดัดแปลงเสี่ยงถึงชีวิต จนท.เร่งกวาดล้างร้านจำหน่าย

วันที่ 4 พ.ย.65 ที่หน้า สภ.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ รอง.ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.บุญเทียน พุดสีเสน ผกก.สภ.บ้านแพง จ.นครพนม พร้อมด้วย ฝ่ายปกครอง ทหารพราน นรข. ร่วมกันแถลงข่าวตรวจนึดจับกุมร้านค้าที่จำหน่ายดอกไม้เพลิง ประทัด ของกลางจำนวนมาก
จากกรณีเหตุนักเรียนโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.บ้านแพง ได้รับบาดเจ็บ จากถูกระเบิดประทัดดัดแปลง (ระเบิดปิงปอง) จำนวน 2 คน บาดเจ็บที่บริเวณต้นขาซ้าย 1 คน และ เท้าขวา 1 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านแพง อาการปลอดภัย ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ ด.ช.เอ(นามสมมติ) อายุ 12 ปี และ ด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 12 ปี

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้บาดเจ็บคนแรกคือ ด.ช.นก นักเรียนชั้น ป.6/4 ได้นำเอาประทัดลูกบอลดัดแปลงทำระเบิดปิงปองพันใส่เทปสีดำไปดูการทำในสื่อออนไลน์ นำ ใส่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าข้างซ้ายมาโรงเรียน ขณะที่มาถึงหน้าโรงเรียนได้มีเพื่อนชื่อ ด.ช.ธง เรียนชั้นเดียวกันเป็นเพื่อนกันได้มาหยอกล้อและมีเตะไปที่ด้านซ้ายของ ด.ช.นก ถูกบริเวณกระเป๋ากางเกงข้างซ้ายที่มีระเบิดปิงปองเก็บไว้ จนทำให้เกิดการระเบิดและทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีคลิปที่เด็กๆ ทั้งสองคนได้นำเอาระเบิดปิงปองมามัดรวมกันและนำไปขว้างเล่นพร้อมกับถ่ายคลิปไว้ เชื่อว่าในวันเกิดเหตุได้นำติดตัวมาที่โรงเรียนด้วยและเกิดหยอกกันเล่นเตะกันไปถูกระเบิดจนทำให้เกิดระเบิดดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม กล่าวว่า ตำรวจภูธรนครพนม ได้กำชับให้ทุก สภ.ในจังหวัดนครพนม ตรวจสอบว่า มีร้านค้าไหนที่ทำการจำหน่าย พลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ หรือสิ่งของต้องห้ามประเภทวัตถุไวไฟ ที่มีการทำให้ระเบิดได้ ให้ขอตรวจใบอนุญาตขายฯ ถ้าไม่มีให้สั่งปิดร้านได้ทันที เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดระเบิด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน ฝากเตือนภันผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิดอย่าปล่อยให้ลูกหลานเล่นประทัดตามลำพังในช่วงเทศกาลลอยกระทงนี้เล่นประทัดดัดแปลงเสี่ยงถึงชีวิตได้ สามารถแจ้งเบาะแสได้ทาง หมายเลข 191 หรือสื่อออนไลน์ในทุกช่องทางตลอด 24. ชม

ทางด้าน พ.ต.อ.บุญเทียน พุดสีเสน ผกก.สภ.บ้านแพง ได้ร่วมสอบสวนขยายผลทราบว่า นักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บได้ไปซื้อระเบิดปิงปองที่ร้านค้าแห่งหนึ่งใน อ.บ้านแพง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบว่า มีการจำหน่ายดอกไม้เพลิง ประทัด ระเบิดปิงปอง ซึ่งจำหน่ายโดยไม่มีใบรับอนุญาตในการจำหน่าย จึงได้เข้าตรวจค้นและจับกุม นางสาวเฟื่องฟ้า (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ม.13 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง เป็นเจ้าของร้านและจำหน่าย ทำการตรวจยึดประทัดจีน 484 ตับ ประทัดลูกบอล 18 ถุง ถุงละ 100 ลูก รวม 1,800 ลูก พลุไฟกระบอกใหญ่จำนวน 18 แพค ๆ ละ 5 กระบอก รวม 276 กระบอก ม๓ลค่ากว่า ห้าพันบาท โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายดอกไม้เพลิง โดยไม่ได้รับอนุญาตและยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร นำของกลางและผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง เพื่อสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดนครพนม

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

จ.นครพนม -ฆ่าโหดสาวนิรนาม

อาจเป็นรูปภาพของ 3 คน และ แหล่งน้ำ

เอาศพยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงหินโยนทิ้งน้ำ ลอยตามลำน้ำโขงมาติดแพจอดเรือ คาดถูกฆาตกรรมมาจากพื้นที่อื่น ตำรวจเร่งตามหาญาติ และส่งชันสูตรเมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา สภ.ธาตุพนม รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กองบังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม พบศพผู้เสียชีวิตลอยอืดยัดกระเป๋าเดินทางมาตามลำน้ำโขงติดแพจอดเรือบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง เขตบ้านโพธิ์ทอง ม.10 ต.ธาตุพนม จ.นครพนม

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และ แหล่งน้ำ
อาจเป็นรูปภาพของ 7 คน, รถจักรยานยนต์, กลางแจ้ง และ ข้อความพูดว่า "ว่าง"

จึงแจ้งประสานงานเจ้าหน้าที่แพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานนครพนม ทีมกู้ภัยสมาคมสว่างนาวาธาตุพนม และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบชันสูตร โดยในที่เกิดเหตุพบกระเป๋าเดินทาง สีดำ ความกว้างยาวประมาณ 90 เซนติเมตร ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร ลอยมาตามลำน้ำโขง ตรวจสอบภายในพบสภาพศพผู้เสียชีวิตปริศนาลอยอืด เป็นหญิงผมยาวอายุประมาณ 40 ปี ความสูงประมาณ 160 เซนติเมตร ผิวขาว สวมเสื้อยืดแขนกุดสีฟ้า สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน สวมเสื้อชั้นในสีดำ สวมกางเกงในสีฟ้า คลุมด้วยถุงดำทั้งตัว สภาพใบหน้าคล้ายถูกทุบด้วยของแข็ง และนำศพยัดกระเป๋าในสภาพตัวงอก้มหน้าไม่มีเชือกมัดนอกจากนี้ยังตรวจสอบพบหินภูเขาขนาดใหญ่ ความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร ยัดถ่วงในกระเป๋า คาดว่าเพื่อให้ศพจมน้ำ

อาจเป็นรูปภาพของ 7 คน และ ผู้คนกำลังยืน
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

แต่ไม่พบเอกสารหลักฐาน รวมถึงตำหนิบาดแผลตามร่างกายส่วนอื่น ส่วนสภาพใบหน้าไม่สามารถตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานได้ เนื่องจากสภาพศพขึ้นอืด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บหลักฐาน ประกาศตามหาญาติมาสอบสวน ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี คาดว่าถูกฆาตกรรมมาจากพื้นที่อื่นเบื้องต้น จากการสอบสวนขจองเจ้าหน้าที่ ทราบว่า ก่อนนี้ประมาณ 2-3 วัน พบกระเป๋าดังกล่าวลอยมาตามน้ำโขงในพื้นที่ใกล้เคียงกับริมตลิ่งใกล้จุดเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากคาดว่าเป็นกระเป๋าสิ่งของทั่วไป จนกระทั่งล่าสุดได้ลอยมาติดกับแพจอดเรือของ นรข.เขตนครพนม และพบสิ่งผิดปกติคือส่งกลิ่นเหม็นเน่า จึงมีการตรวจสอบพบภายในเป็นศพหญิงลอยอืดเชื่อว่าถูกฆาตกรรมมาจากพื้นที่จังหวัดอื่นที่เป็นต้นน้ำโขง หรืออาจลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการสืบสวนหาที่มา ประกาศตามหาญาติมาสอบสวนดำเนินคดี โดยจะได้ส่งศพไปตรวจชันสูตรโดยละเอียดที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น พร้อมแจ้งประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่ทราบเบาะแส แจ้งที่ สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม หรือโทร 191

ที่มา : นมสด โฮ่ง โฮ่ง

วิสาหกิจชุมชนนครพนม”ปลูกกัญชา” ถูกดองเค็มลอยแพเป็นอาชีพเถื่อน

วิสาหกิจชุมชน”ปลูกกัญชา” ถูกดองเค็มลอยแพเป็นอาชีพเถื่อน”แมงเม่าบินเข้ากองไฟ” วิสาหกิจชุมชนนครพนมปลูกกัญชาโอด ถูกดองเค็มปล่อยลอยแพเป็นอาชีพเถื่อน ไม่มีกฎหมายรองรับ แฉซ้ำกัญชาใต้ดินตีตลาดทำให้ราคาตกต่ำวอนรัฐแก้ไข22 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนม ว่าภายหลังการประกาศปลูกกัญชาเสรีของรัฐบาล รวมถึงพรรคภูมิใจไทย นำร่องให้พื้นที่จังหวัดนครพนม เป็นมหานครแห่งกัญชา และส่งเสริมสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ดำเนินการปลูกกัญชาภายใต้กฎหมายกัญชาเสรี ที่มีการพิจารณาแก้กฎหมาย ให้พืชกัญชาพ้นจากยาเสพติดประเภท 5 ทำให้มีประชาชนแห่เข้าร่วมโครงการ ต่างลงทุนสร้างโรงเรือนพร้อมจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนยื่นเอกสารขอปลูกกันเป็นจำนวนมากจากข้อมูลทราบว่ามีวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่นครพนม เข้าร่วมโครงการกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.) ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์มากกว่า 100 กลุ่ม

แต่ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่า มีวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ที่ผ่านการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ที่เหลือจำนวนอีกเกือบ 100 แห่งที่ยังถูกลอยแพ กลายเป็นวิสาหกิจชุมชนเถื่อน ที่ไม่มีการรองรับตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่มีการนำร่องปลูกล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ต้องแบกภาระการลงทุนมานานนับปี โดยไม่สามารถปลูกกัญชาส่งขายได้ อีกทั้งภายหลังมีการโหวตคว่ำการพิจารณาร่างกฎหมายกัญชาของสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลกระทบต่อวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา เพราะไม่มีกฎหมายชัดเจนในการควบคุม และไม่มีแนวทางในการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมาย ทำให้มีตัวแทนวิสาหกิจชุมชน ออกมาเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ออกมาเร่งตรวจสอบแก้ไข ชดเชยเยียวยาพร้อมวางแนวทางช่วยเหลือเช่นเดียวกันกับ นางสาวพรปวีร์ จิตมาตย์ อายุ 44 ปี ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรทางการแพทย์แบบผสมผสาน หมู่ 13 บ้านนาบัง ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ออกมาเปิดเผยว่า สำหรับวิสาหกิจชุมชนดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการรวมกลุ่มเกษตรกรประมาณ 10 คน ก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 โดยความร่วมมือกับทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในพื้นที่ เคยยื่นหลักฐานเสนอการขออนุญาตปลูกกัญชามาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี และมีการลงทุนก่อสร้างโรงเรือนตามแบบมาตรฐาน เป็นพื้นที่ดำเนินการปลูก ระดมทุนรวมกว่า 2.5 แสนบาท แต่สุดท้ายไม่ได้รับการอนุญาต เนื่องจากไม่มีความชัดเจนทางกฎหมาย ไม่มีหน่วยงานรัฐเป็นพี่เลี้ยงที่จะเข้ามาตรวจสอบดูแล การเสนอขออนุญาต ตามระเบียบกฎหมาย ปล่อยให้เกษตรกรดำเนินการเองทุกขั้นตอน สุดท้ายถูกดองเรื่องยาว และในที่สุดมีปัญหาโหวตคว่ำการพิจารณาร่างกฎหมายกัญชาของสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งผลกระทบต่อวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา ไม่มีกฎหมายในการควบคุม หรือแนวทางที่ชัดเจน ต้องถูกลอยแพ ไม่สามารถขออนุญาตได้ ต้องหาแนวทางในการช่วยเหลือตนเอง หนำซ้ำโรงเรือนที่ก่อสร้างไว้ได้รับความเสียหาย ซ่อมแซมมาแล้ว 2 ครั้ง ต้องแบกทั้งภาระต้นทุน ปัญหาการขออนุญาตที่ไม่มีความชัดเจน เกิดความสับสน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการตลาด เพราะปัจจุบันมีการปลูกกัญชาเสรีมากขึ้น ทำให้กัญชาใต้ดินที่ไม่มีการก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนมาตีตลาดขายในราคาถูก ทั้งนี้จึงฝากรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง และพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอเป็นนโยบายสำคัญ เร่งหาทางช่วยเหลือ วางแนวทางรองรับแก้ไขปัญหา ชดเชยเยียวยากับการลงทุนที่เกิดขึ้น เพราะวิสาหกิจเหล่านี้กำลังถูกปล่อยลอยแพ

ที่มา : นมสด โฮ่ง โฮ่ง

นครพนม – ฝนตกต่อเนื่องตลาดปลาคึกคักช่วงน้ำขึ้น ชาวประมงจับปลาตัวใหญ่ ขายได้ราคาดี ขณะที่กลุ่มแม่บ้านแห่ชอปปรุงเมนูเด็ด

วันที่ 15 สิงหาคม 65 ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ในช่วงฝนตกชุกติดต่อนานหลายวันจากผลพายุ นอกจากจะเกิดน้ำท่วมหลาก ระดับน้ำโขง น้ำสงครามปรับตัวสูงขึ้น ยังช่วยให้ชาวประมงตลอดแนวลำน้ำโขงหลายอำเภอและลุ่มน้ำสงครามจับปลาน้ำโขงได้หลากหลายชนิดเป็นจำนวนมาก และเป็นปลาตัวใหญ่ๆ แต่ละตัวน้ำหนักหลายกิโลกรัม

โดยจะมีพ่อค้า แม่ค้ามารับซื้อทั้งหมด ทำเงินให้ชาวประมงเฉลี่ยวันละ 2-3 พันบาทต่อราย หากโชคดีจับปลาตัวใหญ่ได้มากแม่ค้าปลาจะนำปลาที่ซื้อมาขายทำกำไรอีกทอดหนึ่งที่ตลาด มีทั้งขายเหมาตัวและชำแหละขายตามแต่ลูกค้าต้องการ โดยลูกค้าจะมีทั้งร้านอาหารปลาน้ำโขงมาสั่งซื้อไปปรุงอาหารให้ลูกค้าที่ร้านบริโภค และลูกค้าส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มแม่บ้านซื้อไปปรุงอาหารกินกันในครอบครัวอิ่มทั้งบ้าน และประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต้องไปกินร้านอาหารเพราะมีราคาแพง 1 หม้อมีปลาไม่กี่ชิ้นซื้อไปทำกินเองได้มากกว่า

นายอ่อนตา นุสีออง อายุ 55 พ่อค้าขายปลาใน ตลาดสดเทศบาลตำบลศรีสงคราม เปิดเผยว่า ตนอยู่ในพื้นที่ใกล้ตลาดสด จะรับซื้อปลาจากชาวประมงขาประจำ เมื่อจับปลาตัวใหญ่ก็จะโทรศัพท์มาบอก โดยช่วงนี้ฝนตกต่อเนื่องทำให้น้ำขึ้น ชาวประมงจับปลาได้มาก มีแต่ตัวใหญ่ๆ เช่นวันนี้ ชาวบ้านนำปลา จีน ตัวใหญ่ น้ำหนัก เกือบ 15 กิโลกรัม มาขายให้ ราคาเกือบ 1,500 บาท บางตัวต้องจ่ายเงินซื้อเป็นพันบาท

ช่วงนี้แต่ละวันต้องจ่ายเงินซื้อปลาหลายพัน บาท  นอกจากส่งร้านอาหารแล้ว ก็นำมาวางขายในตลาดมีทั้งชำแหละและขายทั้งตัว เช่น  ปลาเนื้ออ่อน แพงมากกิโลกรัมละ 450 บาท ปลาบึก กิโลกรัม 250 -300 บาท ปลาค้าว กิโลกรัมละ 250 บาท  ปลากรด กิโลกรัม  200 บาท ปลายอน กิโลกรัม 170 บาท ปลาตองกราย 150  บาท ปลาอีตุ 130 บาท  ช่วงนี้ชาวประมงจะจับปลาเหล่านี้ได้จำนวนมากสามารถสร้างรายได้เสริมเป็นอย่างดี

ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล ผู้สื่อข่าว จ.นครพนม

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

นครพนม – ปลาน้ำโขงเอ่อเข้าน้ำสงคราม ตลาดปลาคึกคักสร้างรายได้ช่วงหน้าฝน

วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 หลังจากเข้าสู่ฤดูฝนทำให้ฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทำให้ลำน้ำสงครามลำน้ำสาขาซึ่งรองรับมาจากจังหวัดสกลนครก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เพียงส่งผลดีต่อพื้นที่เกษตรกรนาข้าวที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำยังส่งผลดีต่ออาชีพประมงหาปลาเนื่องจากปลาออกมาเล่นน้ำฝนโดยชาวประมงในพื้นที่อำเภอศรีสงครามจังหวัดนครพนมซึ่งมีลำน้ำสงครามมีป่าบุ่ง ป่าทาม อุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานทำให้ช่วงนี้ชาวประมงมีการจับปลาได้เป็นจำนวนมากสร้างรายได้วันละหลายพันบาททำให้ตลาดเทศบาลตำบลศรีสงครามซึ่งเป็นศูนย์รวมการจำหน่ายสินค้าต่างๆยังมีปลาน้ำโขงและปลาลุ่มน้ำสงครามนำมาขายคึกคักมีพ่อค้าแม่ค้านำปลาน้ำโขงปลาน้ำสงครามมาวางขายมีเงินหมุนเวียนวันละหลายหมื่นบาทนอกจากนี้ยังมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อส่งต่อไปขายถั่วภาคอีสาน

จากการสอบถามแม่ค้าขายปลาสดตลาดเทศบาลตำบลศรีสงครามได้กล่าวว่าหลังจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลดีต่อชาวบ้านในพื้นที่อำเภอศรีสงครามและอำเภอใกล้เคียงซึ่งทำอาชีพประมงแถบลูกน้ำสงครามเนื่องจากเป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาน้ำโขงขึ้นชื่อที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นศูนย์รวมปลานานาชนิดเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนปลาจะมีการอพยพขึ้นมาต้นน้ำในลุ่มน้ำสงครามทำให้สามารถจับปลาได้เป็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปลาที่มีความนิยมของตลาดนำไปปรุงเป็นเมนูขึ้นชื่อเช่นปลาเนื้ออ่อนปลาปากปลาบึกปลาค้าวปลานางปลากดปลายอนปลาหนูปลาอีตุุปลาเทโพซึ่งมีราคากิโลกรัมละประมาณ 150 บาท 200 บาทปลาเนื้ออ่อนถือว่าแพงสุดกิโลกรัมละ 350 บาทถึง 500 บาทมีเท่าไหร่ก็ไม่พอขายเพราะเป็นที่ต้องการของตลาดนำไปปรุงเป็นเมนูได้สารพัดทั้งต้มยำทอดแกงนึ่งลาบก้อยต้มตามความชอบทำให้ช่วงนี้พ่อค้าแม่ค้ารวมถึงชาวบ้านทำอาชีพประมงมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 บาทถึง 2,000 บาทสร้างเงินหมุนเวียนสภาพในพื้นที่วันละหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว

ภาพ/ข่าว ประทีป วชิระธัญญากุล /จังหวัดนครพนมรายงาน

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

“มิสซิสยูนิเวิร์ส Mrs.Universe”เยี่ยมตลาดผ้าพื้นเมืองเรณูนครและศูนย์วัฒนธรรมพระธาตุเรณูนคร พร้อมสนับสนุนตลาดผ้าก้าวไกลสู่ AEC

“มิสซิสยูนิเวิร์ส Mrs.Universe”เยี่ยมตลาดผ้าพื้นเมืองเรณูนครและศูนย์วัฒนธรรมพระธาตุเรณูนคร พร้อมสนับสนุนตลาดผ้าก้าวไกลสู่ AEC

วันนี้(20 กรกฎาคม 2561) ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นอีสาน ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย พร้อมประชาชน ให้การต้อนรับ ดร.กันธิชา ฉิมศิริ หรือ ยุ้ย มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 (Mrs.Universe) ปัจจุบัน Mrs International นำพาไปเยี่ยมชมตลาดผ้าพื้นเมืองเรณูนคร

สำหรับ “ตลาดผ้าพื้นเมืองเรณูนคร” หรือ “ตลาดต้องชมเรณูนคร” เป็นตลาดที่เปิดโอกาสให้กับ กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอเรณูนครทุกตำบล รวม 8 ตำบล ได้มีโอกาสนำผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น (OTOP) ไม่ว่าจะเป็น ผ้าพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรมด้านการจักสาน สินค้าแปรรูปการเกษตร สินค้าประเภทอาหารพื้นบ้านและอื่น ๆ มากมาย เช่น เสื้อผ้าปักมือ ผ้าทอมือ ผ้ามัดหมี่ ผ้าพันคอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เหล้าอุ ขนมจีน กระติบข้าว หมวก/กระเป๋าจากปอพาน กระเป๋า/หมวกจากกก ผลิตภัณฑ์ถักจากไหมพรม ขนมต่าง ๆ รวมถึงอาหารพื้นบ้านที่มีรสชาติอร่อย อีกมากมายที่ต้องติดตาม ชม ชิม ช๊อบ ตลาดต้องชมศูนย์วัฒนธรรมพระธาตุเรณูนคร อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม

เสน่ห์ของตลาดต้องชมศูนย์วัฒนธรรมพระธาตุเรณูนคร คือ ความเป็นอัตลักษณ์ของสินค้า และผู้ร่วมจำหน่าย คือสินค้าต้องเป็นสินค้าจากชุมชนที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเท่านั้นผู้ร่วมจำหน่ายใส่เสื่อผ้าที่เป็นอัตลักษณ์ชนเผ่ารวมถึงภาษาพูดจะมีการสอดแทรกภาษาท้องถิ่น (ภาษาภูไท) อีกทั้งเป็นการส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนม ภายใต้สโลแกน 3 ที่สุด คือ (1) ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด (2) สวยที่สุด และ (3) งามที่สุด เช่น พระธาตุเรณูนครที่ตั้งในบริเวณนี้

สินค้าที่ซื้อขายส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น (OTOP) ไม่ว่าจะเป็น ผ้าพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรมด้านการจักสาน สินค้าแปรรูปการเกษตร สินค้าประเภทอาหารพื้นบ้านและอื่น ๆ มากมาย เช่น เสื้อผ้าปักมือ ผ้าเทปทอมือ ผ้ามัดหมี่ ผ้าพันคอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เหล้าอุ ขนมจีน กระติบข้าว หมวก/กระเป๋าจากปอพาน กระเป๋า/หมวกจากกก ผลิตภัณฑ์ถักจากไหมพรม ขนมต่าง ๆ รวมถึงอาหารพื้นบ้านที่มีรสชาติอร่อย อีกมากมายที่ต้องติดตาม ชม ชิม ช๊อบ

ข้อมูล/ภาพ
ดร.อานนท์ แสนน่าน
ทศพร ก้อนแก้ว รายงาน

“มิสซิสยูนิเวิร์ส Mrs.Universe”มอบทุนสถาบันการฟื้นฟูสมรรถภาพ กศน.เมืองนครพนม

“มิสซิสยูนิเวิร์ส Mrs.Universe”มอบทุนสถาบันการฟื้นฟูสมรรถภาพ กศน.เมืองนครพนม เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจคนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจครอบครัวสังคมและชุมชน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมปกติสุข

วันนี้(18 กรกฎาคม 2561) ณ ศูนย์การเรียนรู้นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอเมืองนครพนม ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นอีสาน ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย ตัวแทนคณะครูอาจารย์ และ นักเรียน ศูนย์การเรียนรู้นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เมืองนครพนม ให้การต้อนรับ ดร.กันธิชา ฉิมศิริ หรือ ยุ้ย มิสซิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 (Mrs.Universe) ปัจจุบัน Mrs International ดารา นางแบบ พิธีกร และยังเป็นตัวแทนของผู้หญิงไทยคนแรก ที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการ เฟอร์รารี่ ชาเล้นจ์ เรซซิ่ง เอเชีย แปซิฟิก 2017 อีกด้วย ซึ่งเป็น นางงามผู้มากด้วยความ.สามารถ นอกจากจะทำงานด้านวงการบันเทิง นักแข่งรถหรูซุปเปอร์คาร์ อย่าง Ferrari แล้ว เธอยังร่วมมือกับเพื่อน ๆ นางงามอีกหลายชาติ ทำงานจิตอาสาทำความดีเพื่อสังคมเช่นโครงการ “Beauty Queen International Charity” โดยการพาเพื่อน ๆ นางงามออกงานสังคม เช่น ไปเลี้ยงอาหารสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนหรือคนชรา ซึ่งก็แล้วแต่จังหวะและเวลา เพราะเธองานยุ่งมาก มีภาระกิจล้นตัว แต่เธอก็ยังปลีกเวลามาใส่ใจตัวเอง ครอบครัวและสังคม สมกับสโลแกน “นางงามที่งามจากภายในสู่ภายนอก”

สำหรับ “ศูนย์การเรียนรู้นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อำเภอเมืองนครพนม” เป็นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มเป้าหมายพิเศษเดิมได้รับการประกาศจัดตั้งตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เปลี่ยนชื่อสถานศึกษาให้สอดคล้องกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายใหม่ เป็น”ศูนย์ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มเป้าหมายพิเศษ” (ศกพ.) โดยมี นางหงษา ปังสังคะเนย์ เป็นผู้อำนวยการ กศน. อำเภอเมืองนครพนม โดยมีการจัดระบบการศึกษาเกี่ยวกับการศึกษานอกโรงเรียนให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีสภาพพิเศษแตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายทั่วไปและมีวิธีการจัดการศึกษาเป็นพิเศษให้แก่ผู้สูงอายุ คนพิการเด็กด้อยโอกาส สตรีกลุ่มเสี่ยง และคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสถาบันการฟื้นฟูสมรรถภาพ ความพิการเป็นรายบุคคล กระตุ้นการเรียนรู้การเข้าร่วมกิจกรรมและสังคม การบูรณาการเชื่อมโยงเนื้อหาสาระสอดคล้องกับวิถีการดำรงชีวิตประจำวัน ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมกับครอบครัว/ชุมชน/สังคม และบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี คนพิการสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมด้วยการพึ่งพาตนเองได้ คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจครอบครัวสังคมและชุมชน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมปกติสุขเฉกเช่นคนทั่วไปในสังคม ทำให้สังคมเข้มแข็งมีความเพื่ออาทรต่อกันและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

ข้อมูล/ภาพ
ดร.อานนท์ แสนน่าน
ทศพร ก้อนแก้ว รายงาน

จังหวัดนครพนม เปิดงานนมัสการพระธาตุพนม ประจำปี 2561

จังหวัดนครพนม ร่วมด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครพนม เชิญชวนร่วมงาน “นมัสการพระธาตุพนม” ประจำปี 2561  ระหว่างวันที่ 24 มกราคม -1 กุมภาพันธ์ 2561 ณ.วัดพระธาตุพนมวรวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม  

ขบวนแห่อันเชิญพระอุปคุตจากริมฝั่งแม่น้ำโขง พิธีถวายข้าวพืชภาค สรงน้ำพระอุปคุตเพื่อความเป็นสิริมงคล พิธีห่มผ้าพระธาตุและเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุ การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและการแสดงมหรสพสมโภชตลอดงาน

ร่วมกราบพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ และพิธีเชิญพระอุปคุตจากแม่น้ำโขงแห่ไปยังวัดพระธาตุพนม พร้อมการแเวียนเที่ยนรอบองค์พระธาตุ และร่วมชมการรำบูชาพระธาตุพนม ที่มีนาวรำกว่า 600 คน สุดยิ่งใหญ่ จาก 8ชนเผ่า (ภูไท ไทญ้อ ไทข่า ไทกะเลิง ไทลาว ไทแสก ไทโส้ ไทกวน) กับ 2เชื่อชาติ ชาวไทยเชื้อสายจีน และ ชาวไทยเขื้อสายเวียดนาม
พร้อมร่วมงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มาเที่ยวแดนอีสานขอพรจากพระธาตุพนม เสริมบุญหนุนบารมี  นครพนมเมืองนครแห่งอีสาน ดินแดนสองฝัั่งแม่น้ำโขง ศูนย์รวมใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน  มาเที่ยว มากราบพระธาตุศักดิ์สิทธิ์มาที่ จ.นครพนม.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:::  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม 042-513490-1