ขอนแก่น ไข่ไก่ขึ้นราคาร้านตามสั่งแบกต้นทุน เฉลี่ยฟองละ 4 บาท

Use paypal to buy the best replica watches on boomwatches.co.uk.

At rolexexpert.uk you can buy cheap high-quality replica watches and high-end replica rolex watches made with real Swiss movements.They are perfect watches. No one can tell how they are different from real Rolexes.

Looking for the best Replica Watches site 2024 in the world? Buy now High-Quality replica watches for the best price on replicawatches.top website.

You can find the best Rolex (replica) oysters at perfectwatches1.sr. We are a professional manufacturer and supplier of Swiss super cloned Rolex.

ไข่ไก่ปรับขึ้นราคา แผงละ 6 บาท เฉลี่ยราคาขายอยู่ที่ฟองละ 4 บาท ด้านเจ้าของร้านอาหารตามสั่งแบกต้นทุนเพื่อลูกค้ายืนหยัดขายราคาเดิม พร้อมหาทางเลือกรถต้นทุนซื้อไข่จากทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งขายถูกกว่าเกือบแผงละ 40 บาท

 วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการค้าขายโดยเฉพาะอาหารตามสั่ง ภายหลังหลังจากที่เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกาศปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอีก 20 สตางค์ หรืออยู่ที่ฟองละ 4 บาท โดยให้เหตุผลระบุว่าเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู ทั้งอากาศร้อนและฝนตก ส่งผลให้ไก่เครียด และป่วยเป็นหวัด ออกไข่น้อยลง กว่าร้อยละ 50 ประกอบกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น แต่ในภาพรวมเป็นไปตามกลไกของตลาด มีการปรับขึ้นลงตามสถานการณ์ต้นทุนอาหารสัตว์โดยเฉพาะข้าวโพด ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของไก่ โดยมีผล ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม นี้เป็นต้นไป

โดยที่ร้าน ครัวชมบินอาหารตามสั่ง ตั้งอยู่ริมถนนปากทางเข้าท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นางพินทอง สายสิม อายุ 49 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า  ที่ร้านไม่มีการปรับขึ้นราคาในส่วนของเมนูไข่ดาวที่สั่งเพิ่มคู่กับอาหาร โดยที่ร้านคิดราคาฟองละ 10 บาท พร้อมทั้งเปิดเผยว่าขณะนี้ราคาไข่ไก่หนึ่งแผงอยู่ที่ราคา 135 บาท แม้จะปรับขึ้นไปอีกเราก็อยากจะขายราคาเดิม เป็นการแบกต้นทุนเพื่อลูกค้า แม้จะได้กำไรน้อยลงแต่ลูกค้าก็จะยังอยู่ ซึ่งเฉลี่ยแล้วร้านเราจะใช้ไข่ไก่เบอร์ โดยใช้อยู่ที่วันละสามแผง และโชคดีที่เราได้ไข่ไก่จากฟาร์มไก่ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นไข่สดและเป็นไข่ใหม่ทุกวัน ในราคาแผงละ 100 บาทมาช่วยลดต้นทุนอีกทาง

ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายไข่ไก่เบอร์ต่าง ๆ ในตลาดสดบางลำภู ในเขตเทศบาลเทศบาลนครขอนแก่น พบว่ายังไม่มีการปรับราคาขึ้นตามที่เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ประกาศ เนื่องจากทางร้านยังมีไข่ไก่ที่ยังคงค้างสต๊อกอยู่ ซึ่งจะต้องรอให้หมดก่อนจึงจะมีการปรับขึ้นราคาตามที่รับมาจากหน้าฟาร์ม เพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค และใช้วิธีแยกไข่จัดเป็นชุด 10 ฟอง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย และยังมีไข่ที่ไม่สวยหรือมีตำหนิก็จะนำมาตอกรวมขายในราคาที่ถูกลงกว่าแผงปกติ รองรับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะร้านอาหารต่าง ๆ ที่นำไปเป็นเมนูผัดผงกะหรี่ ส่วนลูกค้าก็มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อลดลง และซื้อเท่าที่จำเป็นไม่ซื้อยกแผงเหมือนเมื่อก่อนที่ผ่านมา และช่วงนี้ก็มีหลายโรงเรียนที่เปิดเทอมแล้วทำให้การซื้อขายไข่ไก่คึกคักขึ้นด้วย.

ขอนแก่น – เจ้าของโรงแรมม่านรูดชื่อดังเมืองขอนแก่น เห็นด้วยกับไอเดียการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV

เจ้าของโรงแรมม่านรูดชื่อดังเมืองขอนแก่น เห็นด้วยกับไอเดียการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV ในโรงแรมม่านรูด หลังมีสมาชิกในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ EV ปิ้งไอเดียสร้างทางเลือกให้ลูกค้าที่มาใช้บริการที่จอดที่เดียวได้เสียบหัวชาร์จทั้งคนทั้งรถ แบบทูอินวัน

18 ม.ค. 67 ในโลกโซเชียลมีการแชร์เรื่องราวของผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ที่ได้โพสต์ไอเดียสำหรับธุรกิจโรงแรมม่านรูด ควรที่จะปรับตัวในการทำธุรกิจรับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง ด้วยการติดตั้งตู้ชาร์จไฟฟ้าของรถ EV มาติดตั้ง เพื่อที่ว่าลูกค้าที่แวะเข้ามาใช้บริการโรงแรมจะได้เสียบหัวชาร์จไฟรถได้ด้วย โดยได้โพสต์ระบุว่า “ธุรกิจที่ควรปรับตัวมาเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV ด้วย นอกจากพวกปั้ม NGV แล้ว ก็คือธรุกิจ “ม่านรูด” เพราะจะได้แวะเสียบหัวชาร์จทั้งคนทั้งรถ แบบทูอินวัน ทูอินวัน อ่ะครับ” ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ได้ถูกแชร์ออกไป ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในทำนองเห็นด้วยกับความคิดของผู้ใช้ TikTok รายนี้เป็นอย่างมาก บางคนมีการคอมเม้นต์แบบติดตลก เช่น “ไอเดียดีครับ ได้ชาร์จทั้งคน ทั้งรถ บรรยากาศชิวๆ” นอกจากนี้ยังมียังมีนักวิชาการคนดัง อย่าง รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเรื่องนี้ไปโพสต์อีกด้วย โดยมีการสมมุติเหตุการณ์ขึ้นมาวว่า “คุณ A : ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอีวี แล้วไม่สะดวกอ่ะ.. จะไปรับเด็ก แล้วลืมดู ไฟใกล้จะหมด ต้องไปหาสถานีชาร์จไฟ เสียเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง คุณ B : นี่ไง ก็รับเด็กก่อน แล้วบอกว่าขอแวะพักหาที่ชาร์จสัก 2-3 ชั่วโมงนะครับ ธุรกิจใหม่ “ม่านรูด พร้อมที่ชาร์จไฟ” น่าจะมาแรงตามกระแสรถ EV” ซึ่งก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอีกเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลที่เรียกร้องให้โรงแรมม่านรูด รีสอร์ท หรือที่พักต่างๆ มีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV ในโรงแรมม่านรูด เพื่อบริการลูกค้า

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมม่านรูดในจังหวัดขอนแก่น โดยเดินทางไปที่โรงแรมเพลย์บอย ตั้งอยู่เลขที่ 145ถนนดรุณสำราญ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงแรมม่านรูดชื่อดังในเขตเมืองขอนแก่น เปิดให้บริการประมาณ 16 ห้อง พบกับนายประกาศิต ภัสสรดิลกเลิศ เจ้าของโรงแรมเพลย์บอย จ.ขอนแก่น เล่าว่า ในช่วงระยะหลังมานี้จะพบว่า มีลูกค้าที่ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาใช้บริการห้องพักมากขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ย 10 คันต่อเดือน ซึ่งอาจเป็นเพราะจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในจังหวัดขอนแก่นยังมีไม่มากเหมือนในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งจากแนวคิดของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เสนอไอเดียให้มีการติดตั้งสถานีชาร์จรถ EV ในม่านรูด ตนเองเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แต่มองว่าอาจจะต้องรอดูอีกสัก 2 – 3 ปี เนื่องจากในพื้นที่ขอนแก่น ปัจจุบันคนยังใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์แบบเติมน้ำมัน คิดว่าในอนาคตคนก็จะหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้มากขึ้นกว่านี้ เพราะหากลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV ในตอนนี้อาจจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะต้องใช้งบประมาณหลายแสนบาท และในอนาคตหากมีผู้สนใจมาร่วมลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV ตนเองก็ยินดี และหากในอนาคตจะมีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV ในโรงแรมม่านรูดจริง ก็จะต้องติดตั้งไว้หน้าห้องแต่ละห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าที่มาใช้บริการโรงแรมม่านรูด ซึ่งการติดตั้งไว้จุดเดียวในโรงแรมม่านรูดก็อาจจะไม่เหมาะสม เพราะยังต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วย.

หอการค้าอุดรฯ จับมือ ธนาคารออมสิน MOU ต่อเนื่องปีที่ 4 ส่งเสริมศักยภาพ

หอการค้าอุดรฯ จับมือ ธนาคารออมสิน MOU ต่อเนื่องปีที่ 4 ส่งเสริมศักยภาพ จัดหาสิทธิประโยชน์ สนับสนุนข้อมูลและบริการด้านสินเชื่อให้กับสมาชิกหอการค้าและผู้ประกอบการ

วันที่ 23พ.ย.66 เวลา 09.30 น. หอการค้าจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับ ธนาคารออมสิน จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการร่วมกันส่งเสริมศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถให้กับสมาชิกและผู้ประกอบการ โดยมี นายธนพล กองทรัพย์ไพศาล ประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี นายสุชาติ เจริญธรรม ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 10 ร่วมกันลงนาม มี นายอัครวัฒน์ ปุณณะนิธินนทน์ รองประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี นายสรายุทธ์ คงประสานกาล เลขาธิการหอการค้าจังหวัดอุดรธานี และคณะผู้บริหารธนาคารออมสิน ร่วมเป็นสักขีพยาน มีคณะกรรมการหอการค้า สื่อมวลชน ร่วมงาน ที่ห้องประชุมชั้น 2 หอการค้าจังหวัดอุดรธานี

โครงการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพสมาชิกหอการค้า เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารออมสิน กับ หอการค้าจังหวัดอุดรธานี โดยเริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2561 กิจกรรมในวันนี้ เป็นการต่ออายุบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหอการค้าจังหวัดอุดรธานี และธนาคารออมสิน ครั้งที่ 4 มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกหอการค้า รวมทั้งผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของธนาคาร การเสริมสร้างขีดความสามารถรวมไปถึงจัดหาสิทธิประโยชน์ สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ ข้อมูลและบริการด้านสินเชื่อประเภทต่างๆ โดยที่ผ่านมาธนาคารออมสิน ได้ร่วมกับหอการค้า สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และธุรกิจร้านอาหารเพื่อให้สินเชื่อสิทธิพิเศษต่างๆ ปัจจุบันธนาคารออมสินได้ออก Promotion พิเศษสำหรับหน่วยงานพันธมิตร สมาชิกหอการค้า ภายใต้โครงการสินเชื่อ “GSB Smooth biz” วงเงินกู้สูงสุด 20.00 ล้านบาทต่อราย วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เพื่อชำระหนี้สถาบันการเงินอื่น (Refinance) กรณีเงินทุนหมุนเวียน หลักทรัพย์ค้ำประกันเต็มวงเงินปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย MOR-1.50% ต่อปี, ปีที่ 3 เป็นต้นไป MOR+0.25% ต่อปี หรือ กรณีสินเชื่อระยะยาว หลักทรัพย์ค้ำประกันเต็มวงเงิน อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-2 MLR-1.50% ต่อปี, ปีที่ 3 เป็นต้นไป MLR+0.25 ต่อปี ซึ่งหากสมาชิกท่านใดสนใจ สามารถติดต่อธนาคารออมสินได้ทุกสาขา

ขอนแก่น – สำนักบริหารฯ 8 สานความร่วมมือท้องถิ่นท้องที่ร่วมกันคืนป่าให้ธรรมชาติ ปล่อยสัตว์น้ำ สร้างฝายหินทิ้งเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา

เวลา 10.00 น. 27 ก.ค. 66 ที่บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำพอง บ้านสว่าง หมู่ที่ 3 ตำบลป่าหวายนั่ง อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น นางสาวธนียา นัยพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในการปลูกป่าเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยมีนายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอำเภอบ้านฝาง นักเรียน และราษฎรในพื้นที่ตำบลป่าหวายนั่ง อำเภอบ้านฝาง เข้าร่วมกิจกรรม

โดยผู้ร่วมงานได้กล่าวปฏิญาณตน ว่าจะทำความด้วยหัวใจ ก่อนที่จะเริ่มปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว จำนวน 10 ชนิด บนเนื้อที่ 5 ไร่ โดยต้นไม้ส่วนใหญ่จะเป็นต้นยางนา ที่มีการฉีดพ่นด้วยสปอร์เห็ดละโงกในถุงเพาะชำ จากนั้นได้เดินทางไปยังทางประตูทางขึ้นหินช้างสี เพื่อทําฝายชะลอน้ำโดยใช้ระบบทำฝายแบบหินทิ้ง ได้รับความร่วมมือจากนักเรียนและเจ้าหน้าที่อุทยาน ลำเลียงก้อนหินเพื่อนำไปทิ้งเป็นคันกั้นลำห้วย เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในในฤดูแล้ว ก่อนที่จะเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำที่อยู่ใกล้กัน เพื่อปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียนทอง จำนวน 20,000 ตัว และกุ้งก้ามกราม 5,000 ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 นี้ด้วย

ขอนแก่น “หลักสูตรแรกในไทย” มข.บรรลุข้อตกลงกับ มหาลัยเซาท์เวสต์เจียวทง จัดหลักสูตร HIGH SPEED TRAIN ENGINEERING

มข. ลงนามบันทึกข้อตกลงการจัดตั้งสถาบันพร้อมเปิดสถาบัน The KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute ร่วมกับ SWJTU สาธารณรัฐประชาชนจีนเดินหน้าหลักสูตร High Speed Train Engineering

ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมกับ Southwest Jiaotong University (มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทง) สาธารณรัฐประชาชนจีนจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดตั้งสถาบัน The KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute พร้อมจัดพิธีเปิดสถาบันณคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ภายในงานได้รับเกียติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นMs.Yang Ning รักษาการกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยณจังหวัดขอนแก่นรศ.นพ.ชาญชัยพานทองวิริยะกุลอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น Prof. Yao Faming รองอธิการบดี Southwest Jiaotong University (SWJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีนผู้บริหารTianyou Railway Institute และ China Railways International Thailand อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นรองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MoA) ในการจัดตั้งสถาบันThe KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute

.นพ.ชาญชัยพานทองวิริยะกุลอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นกล่าวว่ากระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยระดับประเทศด้านรถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การคมนาคมในภูมิภาคร่วมกับ Southwest Jiaotong University (SWJTU) ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอินโดจีนสามารถเชื่อมโยงไปสู่ประเทศต่างๆในอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกทั้งHigh Speed Train ยังเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจตามนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลไทยอีกด้วย

“มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ตระหนักถึงความสำคัญของพันธกิจและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สำคัญของชาติด้านรถไฟความเร็วสูงจึงกำหนดแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมศาสตร์รถไฟความเร็วสูงร่วมกับมหาวิทยาลัยSouthwest Jiaotong (เจียว-ทง) ภายใต้ชื่อหลักสูตร “วิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง”หรือ “High Speed Train Engineering” เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมและก่อตั้งสถาบันKKU-SWJTU Tianyou (เจียว-ทง) Railway Institute ณคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อจัดฝึกอบรมให้ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านรถไฟความเร็วสูง”

Prof. Yao Faming รองอธิการบดี Southwest Jiaotong University (SWJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวว่า ระบบรางรถไฟไทย-จีนเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของนโยบาย “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” one belt one road)เป็นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในแถบคาบสมุทรอินโดจีน โดยเฉพาะระหว่างไทยและจีนถือเป็นถนนสายหลักและกุญแจสำคัญ ด้วยความก้าวหน้าของนโยบาย one belt one road ส่งผลให้ไทยและจีนมีโอกาสมากขึ้นในการผลักดันและพัฒนาการขนส่งระบบราง

มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทงในฐานะสถาบันอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมแห่งแรกของประเทศจีน และเป็นสถานศึกษาด้านของการรถไฟแห่งแรก ๆ ของประเทศจีน ได้ขับเคลื่อนงานด้านวิศวกรรมมาตลอด 127 ปี ผลิตผู้มีความรู้ความสามารถกว่า 300,000 คน และได้ผลิตนักวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศกว่า 60 คน และผลิตผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและออกแบบทางวิศวกรรมระดับประเทศอีก 31 คน เพื่อก้าวจากอันดับหนึ่งของจีนสู่อันดับหนึ่งของโลก โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงของประเทศจีน ถือเป็นการสร้างต้นแบบนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมการขนส่งของจีน

“การก่อตั้งสถาบันระบบรางเทียนโย่ว โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทงจะก่อเกิดคุณประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย นำเอาจุดเด่นของแต่ละมหาวิทยาลัย หลอมรวมเป็นการแลกเปลี่ยนทางการศึกษารูปแบบใหม่ระหว่างจีน-ไทย”

ขณะที่ รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยด้านหลักสูตรรถไฟความเร็วสูงอย่างแน่นแฟ้นและมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Southwest Jiaotong University มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เพื่อร่วมพัฒนาหลักสูตร “วิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง” (High Speed Train Engineering)มาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ขับเคลื่อนการผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง ในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน Ms. Yang Ning รักษาการกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดขอนแก่นเปิดเผยว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสักขีพยานในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ  สถาบันTianyou Railway Instutiueในต่างประเทศแห่งแรกของโลก ในปีนี้เป็นปีครบรอบ 10 ปีของการริเริ่มแบบแผนโครงการเส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21“一带一路” (หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง)

การจัดตั้ง “สถาบัน Tianyou Railway Instutiue”  จึงนับเป็นโอกาสอันดี ในการสร้างนวัตกรรมร่วมกัน ส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้แก่ผู้เรียนในภูมิภาคประเทศไทยและเอเชียได้พัฒนาทักษะศักยภาพ เสริมสร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถด้านรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้  ” จีน-ไทย กลายเป็น ครอบครัวเดียวกัน”  และเพื่อให้ทั้งสองประเทศ  กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ สำหรับพิธีลงนามการจัดตั้งและเปิดศูนย์The KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute  และหลักสูตร  (High Speed Train)  ในครั้งนี้มีข้อตกลงสำคัญ เพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการวิจัยร่วมกัน แลกเปลี่ยนเยี่ยมชม และฝึกอบรมด้านการขนส่งทางรางแลกเปลี่ยนบุคลากรและนักศึกษาทั้งสองสถาบันก่อให้เกิดองค์ความรู้การถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูงรวมไปถึงการผลิตบัณฑิตที่จะตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมรถไฟความเร็วสูงของประเทศเพื่อสร้างบัณฑิตให้มีความรู้ความสามารถมีคุณภาพและศักยภาพด้านวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูงเพื่อรองรับในตลาดแรงงานโดยมีระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2571)

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

อุดรธานี – ปัจฉิมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง

วันที่ 19พ.ค.66 เวลา 09.00 น. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 (ปัจฉิมนิเทศโครงการ) โครงการศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง จังหวัดอุดรธานี โดยมี นายไพโรจน์ เตชะเจริญสุขจิระ ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 2 สำนักบริหารโครงการกรมชลประทาน ดร.อิสเรศณุชิตภ์ จันทร์ศรี รองประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมประชุมที่ห้องประชุมฟ้าหลวง 5 โรงแรมนภาลัย อุดรธานี

กรมชลประทาน มีการวางแผนแก้ไขบรรเทาปัญหาลุ่มน้ำห้วยหลวงอย่างเป็นระบบ เนื่องจากสภาพื้นที่และระบบลำน้ำ มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับพื้นที่ลุ่มน้ำข้างเคียงและระบบลุ่มน้ำหลัก จำเป็นต้องใช้ระบบบริหารจัดการที่สามารถบูรณาการทั้งปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดำเนินการ กรมชลประทานได้มีการดำเนินการศึกษาการจัดทำแผนพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2558 และในการประชุมร่วมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เมื่อปี 2561 นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้ศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานไปเร่งรัดดำเนินการ

ครงการศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง จังหวัดอุดรธานี ได้มีการดำเนินการศึกษาจัดทำแผนหลัก และสรุปผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่มีความสำคัญจำเป็นเร่งด่วน 4 โครงการ และจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ผ่านมา ได้มีการเสนอให้ศึกษาโครงการบริหารจัดการน้ำประตูระบายน้ำบ้านสามพร้าว ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เพิ่มเติม

จึงได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการที่มีความเร่งด่วน จำนวน 5 โครงการ เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีความยั่งยืนสนองต่อการพัฒนา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยหลวง ในการประชุมครั้งนี้ จึงเป็นการสำเนอสรุปผลการศึกษาแผนหลัก และศึกษาความเหมาะสม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะต่อแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลางจังหวัดอุดรธานี เพื่อนำไปสู่การพัฒนารายละเอียดการศึกษาที่สมบูรณ์และครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

หนองบัวลำภู บริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม รุกตลาดต่างประเทศ จับมือลงนามข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ไทย-ลาว เปิดศูนย์รับผลิตสินค้าอย่างเป็นทางการ

บริษัทกอเงินออร์แกนิคฟาร์มฯ บริษัทของคนศรีบุญเรือง รุกตลาดต่างประเทศ จับมือลงนามข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ไทย-ลาว เปิดศูนย์รับผลิตสินค้าอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองหรือเป็นเจ้าของแบรนด์ ด้านการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเร็วๆนี้ ณ บริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด 253 หมู่3 ต.เมืองใหม่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู นายพิชิต พิลาศรี พร้อมคณะผู้บริหารบริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด ให้การต้อนรับนายเพทาย จรกระโทก นายอำเภอศรีบุญเรือง พร้อมนายณรงค์ คงศิลา ปลัดอาวุโสอำเภอศรีบุญเรือง นายไพโรจน์ ศรีกาญจนา คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณการจังหวัดหนองบัวลำภู(ก.บ.จ.หนองบัวลำภู) ประธานแม่บ้านมหาดไทยอำเภอศรีบุญเรือง และคณะเยี่ยมชมกิจการของโรงงานบริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานรับผลิตชาสมุนไพร กาแฟเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ชั้นนำของประเทศ ด้วยประสบการณ์มากว่า 10 ปี มีความรู้ความสามารถด้านนี้โดยเฉพาะ วิจัยและพัฒนาสูตรตามที่ลูกค้าต้องการ มีมาตรฐานโรงงานผลิตอาหารระดับสากล GHPs HACCP สามารถส่งออกได้ทั่วโลก หนึ่งเดียวของอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พค.ที่ผ่านมา ณ หอประชุมแห่งชาติ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีท่านมะโนทอง วงไซ รองรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ท่านจันทร์ใส พรหมจักร รองแผนกกรมอาหารและยา สำนักงานอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นประธานและสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่าง บริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด โดยนายพิชิต พิลาศรี บริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัดเป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลง กับประธานพรมมา วงแพงคำ บริษัท เอสพีซี ขาเข้า ขาออก จำกัดเพียงผู้เดียว ฝ่ายหนึ่งซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่บ้านโพนทัน เมืองไชเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีนักธุรกิจเข้ามาร่วมงานประมาณ100 กว่าคน

นายพิชิต พิลาศรี ผู้บริหารบริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด กล่าวว่าบริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด เป็นโรงงานรับผลิตชาสมุนไพร กาแฟเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ชั้นนำของประเทศ ด้วยประสบการณ์มากว่า 10 ปี มีความรู้ความสามารถด้านนี้โดยเฉพาะ วิจัยและพัฒนาสูตรตามที่ลูกค้าต้องการ มีมาตรฐานโรงงานผลิตอาหารระดับสากล GHPs HACCP สามารถส่งออกได้ทั่วโลก ด้วยกำลังการผลิตที่สูงมากกว่า 20 ล้าน ซองต่อเดือน เฉลี่ยต่อปี 240 ล้านซอง จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจด้านกำลังการผลิต คุณภาพ มาตรฐาน และบริการ

บริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานสินค้าครบวงจรที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล คิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ พร้อมร่วมมือช่วยเติมเต็มและสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเติบโตไปพร้อมกัน เพื่อผลักดันสินค้า SME ไทย-ลาว เตรียมรองรับตลาด กลุ่ม CLMV พร้อมตั้งเป้ายอดขายโตขึ้น 4 เท่า ใน 1 ปี เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมต่อยอดธุรกิจพืชสมุนไพรและสินค้เกษตรแปรรูป และมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยบริษัทมีบริการแบบ one stop service ครบจบในที่เดียวให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ การตลาด วิจัยและพัฒนาสูตร การขึ้นทะเบียน อย. ด้านการดำเนินการเอกสารรับรองต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจใหม่ เพราะเราเข้าใจและใส่ใจในธุรกิจคุณ

ช่วงวิกฤต โควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจมีผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่ทางโรงงานเติบโตอย่างส่วนกระแสแบบก้าวกระโดด ยอดมากกว่าสูงสุดในรอบหลายปี มากกว่า 5 เท่าของยอดขาย เพราะเราทำธุรกิจเกี่ยวกับพืชสมุนไพรจึงทำให้สมุนไพรได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและทำให้ผู้คนหามาดูแลสุขภาพและรู้จักสมุนไพรมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด จึงขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อรองรับความต้องการและสามารถกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

นายพิชิต พิลาศรี ผู้บริหารบริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด กล่าวว่าสาระสำคัญในการทำMOU ในครั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างกรอบความร่วมมือเพื่อส่งเสริมให้ผู้สนใจเป็นเจ้าของแบรนด์สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ง่ายขึ้นผ่านศูนย์บริการของ บริษัท เอสพีซี ขาเข้า-ขาออกจำกัดผู้เดียว ในการให้คำปรึกษาในการผลิตสินค้าสำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางในการทำธุรกิจ สร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างมืออาชีพ ด้วยการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกในการขออนุญาตขึ้นทะเบียนอาหารและเครื่องปรุงตามกฎหมาย ตลอดจนเป็นการสร้างความสัมพันธไมตรีระหว่างลาวและไทย

นายพิชิตฯกล่าวทิ้งท้ายว่าผู้สนใจท่านใดอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองหรือเป็นเจ้าของแบรนด์ ประเภท ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางค์ ชาสมุนไพร กาแฟเพื่อสุขภาพ สมุนไพร เครื่องเทศ ผักผง เครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ทุกชนิด สินค้าอุปโภค บริโภคต่างๆโดยมีทีมงานมืออาชีพให้คำปรึกษาแบบครบวงจร ทั้งในด้านการออกแบบ สื่อโฆษณาและให้คำปรึกษา ด้านการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท กอเงินออร์แกนิคฟาร์ม จำกัด บ้านหนองทุ่งมน ต.เมืองใหม่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู Tel.042-253299 ,086-1031560, 083-3280421

สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์ ภาพและข่าวจังหวัดหนองบัวลำภู

อุดรธานี – บสย. ปลื้ม ไตรมาส 1/66 โตเกินคาด ช่วยSMES ได้มาก ยอดค้ำ แตะสามหมื่นสามพันล้านล้านบาท

บสย. ปลื้ม SMEs เข้าถึงแหล่งทุนเพิ่ม ไตรมาส 1/2566 เติบโตทะลุเป้า อนุมัติค้ำพุ่ง 196% วงเงิน 32,199 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้สินเชื่อกว่า 8,900 ราย สร้างสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจ 36,609 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ 132,982 ล้านบาท คิดเป็น 4.13 เท่าของวงเงินค้ำประกัน และรักษาการจ้างงานรวมได้กว่า 226,641 ตำแหน่ง เผยปัจจัยบวก ผลจากการเร่งขยายความช่วยเหลือ SMEs และรายย่อย Micro ฟื้นฟูกิจการของสถาบันการเงิน มั่นใจไตรมาส 2 กลไกรัฐหนุนมาตรการค้ำประกัน “บสย. SMEs เข้มแข็ง” 50,000 ล้านบาท พร้อมยกระดับ ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs ปั้นโมเดลใหม่ขยายตัวสู่ภูมิภาค ตามแผนขับเคลื่อนองค์กรสู่ Digital SMEs Gateway

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ ไตรมาส 1/2566 (1 ม.ค.-31 มี.ค.) เติบโตเกินเป้าที่วางไว้ 196% อนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ รวม 32,199 ล้านบาท อนุมัติหนังสือค้ำประกัน (LG) รวม 9,147 ฉบับ ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับสินเชื่อกว่า 8,900 ราย ในจำนวนนี้มีลูกค้ารายใหม่ 4,719 ราย ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ (Economic Benefit) 132,982 ล้านบาท คิดเป็น 4.13 เท่าของวงเงินค้ำประกัน โดยคิดเป็นสัดส่วนการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs (SME Penetration Rate) 23.57% และรักษาการจ้างงานรวมได้กว่า 226,641 ตำแหน่ง

วงเงินอนุมัตค้ำประกันสินเชื่อ 32,199 ล้านบาท มาจาก 4 โครงการ ได้แก่
1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู วงเงิน 22,053 ล้านบาท (69%) ค้ำต่อรายเฉลี่ย 5.81 ล้านบาท
2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่ บสย. พัฒนาขึ้น หรือ Commercial Product ( BI7, Renew, RBP ) วงเงิน 8,744 ล้านบาท (27%) ค้ำต่อรายเฉลี่ย 2.10 ล้านบาท
3.โครงการ “บสย. SMEs เข้มแข็ง” (PGS10) ลงนาม MOU ร่วมกับ 18 สถาบันการเงิน เมื่อ 15 มีนาคม 2566 วงเงิน 755 ล้านบาท ค้ำต่อรายเฉลี่ย 0.99 ล้านบาท
4.โครงการอื่นๆ วงเงิน 647 ล้านบาท ค้ำเฉลี่ยต่อราย 1.55 ล้านบาท

ปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อไตรมาส 1 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้กว่าเท่าตัว มาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ตามมาตรการรัฐ เพื่อเร่งขยายความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และรายย่อย Micro ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อ ของ บสย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก ( พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู เฟส 2 ) มีการอนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อสูงถึง 22,053 ล้านบาท ผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการขยายตัวของภาคการเกษตร โดย 5 อันดับกลุ่มธุรกิจค้ำประกันสูงสุด ได้แก่
1.กลุ่มธุรกิจบริการ 10,351 ล้านบาท สัดส่วน 32.1% เพิ่มขึ้น 4.8% (เทียบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน )  2.กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2,981 ล้านบาท สัดส่วน 9.3%  3.กลุ่มการผลิตสินค้าและการค้า 2,787 ล้านบาท สัดส่วน 8.7%  4.กลุ่มยานยนต์ 2,786 ล้านบาท สัดส่วน 8.7% เพิ่มขึ้น 2.4% (เทียบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน )  5.กลุ่มเกษตรกรรม 2,675 ล้านบาท สัดส่วน 8.3%  6.อื่นๆ 10,619 ล้านบาท

สำหรับแผนงาน ไตรมาส 2 บสย. ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ 23,200 ล้านบาท ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย.SMEs เข้มแข็ง” วงเงิน 50,000 ล้านบาท และโครงการที่ บสย. พัฒนาขึ้น หรือ Commercial Product สำหรับมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อเพื่อการปรับตัว ได้รับความเห็นชอบอนุมัติขอขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี สิ้นสุดโครงการ 9 เมษายน 2567
ทั้งนี้ บสย. ได้เตรียมยกระดับการบริการศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A.Center โมเดลใหม่ เพื่อความสะดวก รวดเร็วแก่ผู้เข้ารับคำปรึกษา โดยเตรียมขยายบริการสู่ภูมิภาค การจับคู่ความร่วมมือระหว่าง บสย. กับหน่วยงานต่างๆ ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจเพื่อความยั่งยืน BCG Model โดย บสย. เตรียมเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ Smart Green ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปี ค้ำประกันตั้งแต่ 1 – 40 ล้านบาท

ขอนแก่น – กองทุนไฟฟ้าน้ำพอง ประสาน ป.ป.ท., ป.ป.ง. ร่วมตรวจสอบ พร้อมขยายชุมชนรอบนอกของบฯ เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก อย่างยั่งยืน

กองทุนไฟฟ้าน้ำพอง จัดโครงการ ประชาสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายพันธมิตรการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้าน้ำพอง ไม่ปล่อยให้การดำเนินงานถูกทิ้งร้างเป็นอนุสาวรีย์ พร้อมประสาน ป.ป.ท.และ ป.ป.ง. ร่วมตรวจสอบ พร้อมขยายชุมชนรอบนอกของบฯ เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก อย่างยั่งยืน

ที่หอประชุม 50 ปี โรงเรียนน้ำพองศึกษา อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในการกำกับดูแลเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เขต 4 ได้จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ สร้างเครือข่ายพันธมิตรการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ประจำปี 2566 โดยมีผู้แทนชุมชน 6 ตำบลรองโรงไฟฟ้าน้ำพอง ประกอบด้วย ตำบลกุดน้ำใส ตำบลม่วงหวาน ตำบลสะอาด ตำบลวังชัย อำเภอน้ำพอง และตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ผู้แทนแต่ละตำบลเข้าใจบทบาทการดำเนินงาน และการเสนอโครงการเพื่อของบประมาณมาใช้ในการพัฒนาชุมชนตามเงื่อนไขของกองทุนไฟฟ้า

นายชินกร แก่นคง นายอำเภอน้ำพอง เผยว่า สำหรับโครงการประชาสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายพันธมิตรการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้าน้ำพอง ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในการกำกับดูแลเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เขต 4 ได้จัดทำขึ้นถือว่าเป็นประโยชน์ สำหรับตัวแทนผู้นำชุมชนที่เข้าร่วมในครั้งนี้ จะได้มีความรู้ความเข้าใจในการที่จะเสนอโครงการที่จะใช้งบประมาณกองทุนไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งบประมาณจะมีวิธีที่หลากหลาย เช่นเดิมทีจะเป็นการของบประมาณในการทำโครงสร้างพื้นฐาน ไฟฟ้า ประปา ถนน ศาลาประชาคม

แต่ในยุคปัจจุบันภายใต้การกำกับของ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้พยายามนำแนวคิด หรือวิธีการเรื่องของการสร้างเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ในการใช้เงินส่วนนี้นำไปพัฒนา ซึ่งจะทำให้เป็นการเสนอแนวความคิดของชุมชนใหม่ ๆ ที่จะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพให้พี่น้องประชาชนให้มากขึ้น ขอยกตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่แล้ว เราได้นำเสนอว่า เราจะใช้เงินกองทุนนี้มาสร้างศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป ซึ่ง กฟผ.ได้มีการอนุมัติให้ทางเราแล้วที่จะก่อสร้างอยู่บริเวณเขื่อนหนองหวาย สำหรับรองรับ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของชุมชนในทุกตำบลของอำเภอน้ำพอง ถือได้ว่าวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำงบประมาณปี67 ของกองทุนไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ต่อคำถามที่ว่า การเข้าถึงกองทุนพัฒนาไฟฟ้าน้ำพอง ชาวบ้านหรือชุมชน จะสามารถเข้าถึงได้อย่างไร นายทวีสุข นามวงษา วิศวกรชำนาญการพิเศษ สำนักงาน กกพ.เขต (ขอนแก่น) กล่าวว่า สำหรับงบประมาณของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในการเข้าถึงงบประมาณที่ชุมชนจะได้ประโยชน์  ทุกโครงการต้องผ่านเวทีประชาคม ต้องผ่านชุมชนที่มีความต้องการสิ่งนั้นจริง ๆ เพื่อมาพัฒนาฟื้นฟู เยียวยาในพื้นที่ของตัวเอง เมื่อมีการประชาคมระดับพื้นที่เข้ามา โครงการต่าง ๆ ก็จะเสนอมาที่กองทุนพัฒนาไฟฟ้า กองทุนฯ ก็จะพิจารณากลั่นกรองตามแนวทางที่ กกพ.กำหนด ซึ่งการขอโครงการต่าง ๆ ก็มีหลักเกณฑ์ หลักการ แนวทางปฏิบัติ โดยในปี 67 ทาง กกพ.ให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจชุมชน ก็จะให้ทางชุมชน ที่อยู่บริเวณรอบพื้นที่โรงไฟฟ้า 5 ตำบล จัดทำโครงการมุ่งเน้นทางด้านเศรษฐกิจชุมชน กลุ่มอาชีพ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20

โอกาสในการขยายพื้นที่ของกองทุนไฟฟ้าไปมากกว่า 5 ตำบลที่กำหนดไว้ มีโอกาสเช่นกัน ซึ่งระเบียบไม่ได้ปิดกั้น หากเป็นว่าเงินกองทุนนี้สามารถนำไปพัฒนาพื้นที่นอกเขตประกาศของกองทุน ก็สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากทางพื้นที่ 5 ตำบลรอบๆ ให้ขยายพื้นที่ไปช่วยตำบลนั้น ตำบลนี้ได้เช่นกัน

นายทวีสุข กล่าวต่อว่า ในส่วนการนำเงินกองทุนไปใช้แล้วไม่เกิดประโยชน์ หรือสำริดผล ทางสำนักงาน กกพ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จากการที่เราลงตรวจพื้นที่ ตรวจโครงการต่าง ๆ ก็ได้เป็นโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จก็มี ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้มีมาตรการต่าง ๆ ในการเสนอโครงการ มีการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกลุ่ม หรือวิธีการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยทางเราจะมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนอย่างมาก สิ่งที่ทำไปจะไม่ให้เกิดเป็นอนุสาวรีย์ จะมุ่งเน้นที่การใช้งาน ซึ่งในปี 67 จะลงตรวจโดยสำนักงานกำกับพลังงาน ทำเอ็มโอยู กับคณะกรรมการปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) มาช่วยในการตรวจโครงการ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เป็นผู้แนะนำ ว่าโครงการไหนควรทำหรือไม่ควรทำ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน เป็นแผนการดำเนินงานในปี 67 นี้ด้วย. วิศวกรชำนาญการพิเศษ สำนักงาน กกพ.เขต (ขอนแก่น) กล่าวในที่สุด

อุดรธานี ‘พ่อเลี้ยงเดี่ยว’ ตะเวนลักเนื้อหมูหน้ารถจักรยานยนต์ในตลาดสดทำกับข้าวเลี้ยงลูก

กลิ่นทอดหมูยังไม่ทันหายดี รวบโจรแสบตระเวนขโมยของหน้ารถ ตามห้างสรรพสินค้าและตลาดสด อ้างนำไปทำอาหาเลี้ยงลูก

วันที่27 มี.ค.66 เวลา 10.30น. ร.ต.ท.เผ่า แสงกงพี รองสารวัตรสอบสวนสภ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งจาก น.ส.มณีรัตน์ ศรีคำภา 43 ปี 682/140ม.14 ซ.บ้านเก่าจาน เขตเทศบาลนครอุดรธานี ว่าถูกคนร้ายขโมยเนื้อหมูจำนวน 8 กิโลกรัม ที่วางไว้หน้ารถจักรยานยนต์หลังเข้าไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถ.นิตโย เขตเทศบาลนครอุดรธานี

น.ส.มณีรัตน์ เล่าว่า ตนเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง ซ.หนองบัว 1 ช่วงเช้าตนไปตลาดไทอีสาณ ซื้ออาหารสดมาเข้าร้าน โดยได้นำเนื้อหมู กระดูก และเครื่องใน รวม 8 กิโลกรัม มูลค่า 1,000 บาท วางไว้หน้ารถจักรยานยนต์ แล้วขี่รถมาที่ห้างสรรสินค้า และได้จอดที่ลานจอดรถหน้าห้าง จากนั้นตนได้เดินเข้าไปซื้อของ ประมาณ 30 นาที กลับออกมาที่รถไม่พบถุงเนื้อหมู ตนเดินหารอบ ๆ บริเวณลานจอดรถก็ไม่พบ มันใจว่าถูกขโมยจึงเข้ามาแจ้งความ
ตนก็อยากฝากถึงคนร้ายว่าให้เอามาคืน เพราะช่วงนี้ก็หากินลำบาก เศรษฐกิจไม่ดี กว่าจะขายของได้ อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก ซึ่งรถที่จอดห่างไปอีก 3 คันก็ถูกคนร้ายขโมยหมูปิ้งและข้าวเหนียว มูลค่า100บาท ที่จะซื้อไปให้ลูกกิน ถูกขโมยไปด้วย แต่เจ้าของเห็นว่าเล็กน้อยจึงไม่มาแจ้งความ

ทางตำรวจชุดสืบสวนได้สอบถามข้อมูลและรูปพรรณของคนร้าย จากผู้เสียหาย ทราบว่าเป็นชายรูปร่างและยานพาหนะคล้ายกับคนร้ายที่เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกัน จึงนำกำลังออกตรวจสอบบ้านผู้ต้องสงสัย พบ นายวิษุวัติ หรือเอ็กซ์ แสงเสน อายุ 33 ปี ที่อยู่ 166 หมู่ 11 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่บ้านเช่า ไม่เลขที่ ภายในชุมชนสุขใจพัฒนา ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งนายวิษุวัติ อยู่ภายในบ้านพร้อมลูก ๆ ตำรวจจึงเข้าไปพูดคุยสอบถาม จนทราบว่า นายวิษุวัติ เป็นคนร้ายที่ไปก่อเหตุขโมยเนื้อหมูของผู้เสียหาย ที่ลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้า จากนั้นได้นำมาประกอบอาหารกินกับลูก ๆ โดยบนโต๊ะกับข้าวพบ จานหมูทอด 1 จาน ตำรวจจึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก

นายวิษุวัติ ให้การว่า ตนไม่ได้ทำงานอะไร เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีลูก 4 คน อายุ 3-10 ปี ที่ตนทำไปเพราะไม่มีเงินใช้จ่ายและซื้ออาหารมาให้ลูกๆกิน โดยตนจะขี่รถจยย.ตระเวนไปตามตลาดสด และหน้าห้างสรรพสินค้า เมื่อพบว่ามีใครนำ อาหาร หรือ สิ่งของ แขวนไว้ที่รถจยย. ตนก็จะเข้าไปขโมย โดยตนจะนำมาประกอบอาหารให้ลูกๆทาน ไม่ได้นำไปขาย
เบื้องต้นตำรวจจะสอบสวนขยายผลเนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุหลายครั้ง ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป