ชัยภูมิ ชาวบ้านบนเทือกเขาพังเหย นำรถไถกว่า 50 คัน ขนหินซ่อมถนนใช้เอง

วันที่ 19 เม.ย.67 ชาวบ้านหลังสัน และบ้านปากดง กว่า 300 หลังคาเรือนส่งตัวแทนนำรถไถพ่วงการเกษตร ออกมาบรรทุกหินคลุก ซึ่งนายพุทธิพงศ์ ม่วงศิลปะชัย นายอำเภอหนองบัวระเหว ได้มีการทำเรื่องขอความอนุเคราะห์ขอหินคลุกที่กัดออกจากผิวถนนลาดยางเดิมจากกรมทางหลวง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน นำไปพัฒนา ซ่อมแซม ถนนสายบ้านปากดง – หลังสัน ที่ชำรุดเสียหายในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา

ด้านนางเตือนใจ บำรุง นายก อบต.วังตะเฆ่ กล่าวว่า ถนนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของอุทยานฯ ทางหน่วยงานจะพัฒนาเองไม่ได้จะต้องมีการขออนุญาต ซึ่งถือเป็นเรื่องอยาก และล่าช้ามาก ทางท้องถิ่นและอำเภอจึงได้หาแนวทางร่วมกัน โดยประสานขอหินคลุกจากกรมทางหลวง ที่ทำการกัดออกจากผิวถนนลาดยางเดิมให้กับชาวบ้านโดยการลงแขกช่วยเหลือกันในชุมชน นำรถมาขนเองหินคลุกที่ทางหลวงมอบให้ไปใช้ ซ่อมถนนใช้เอง ซึ่งชาวบ้านต่างร่วมแรงร่วมใจกันกันดีมาก ทั้งนี้ยังมีทั้งชาวบ้านและภาคเอกชนนำอาหาร น้ำดื่ม มามอบให้กับชาวบ้านได้รับประทานอย่างอิ่ม พร้อมเพียงกัน พร้อมวอนให้รัฐช่วยแก้ปัญหาข้อกฎหมาย ต่าง ๆ ของอุทยานฯ และป่าสงวนฯ ที่ยังมีข้อบังคับในเรื่องของการพัฒนากับชุมชนนั้นๆให้กับชาวบ้านด้วยเพื่อที่ชาวบ้านจะได้เข้าถึงการพัฒนาที่ดีต่อไป

วิรัตน์ ดวงแก้ว ผู้สื่อข่าว จ.ชัยภูมิ

โครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ ปีที่9 ทำกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนที่ ณ ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ อำเภออุ้มฝาง จังหวัดตาก

Best Breitling Blue Replica Watches For Sale.Buy Replica Breitling Watches online with cheap price.

Audemarswatches.com provide you with high quality the Audemars Piguet Replica wacthes.

Discover luxury with replicawatches.top impressive collection of replica watches for ladies.Elevate your style with these exquisite timepieces.

15-19 มกราคม พ.ศ.2567 ทีมงานช่างผมและเพื่อนๆในโครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ ปีที่9 เดินทางขึ้นดอยเพื่อมอบอุปกรณ์ต่างๆจำนวนทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวันให้กับเด็กๆชาวไทยภูเขาบนดอยสูง ณ ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ อำเภออุ้มฝาง จังหวัดตาก

ซึ่งมีผู้ริเริ่มโครงการการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ คือคุณ ละอองทอง จิระวนานนท์, คุณแทนทอง รอดไพรสม ,ครูเตี๋ยว แฮร์คัท, อ.นิด เกรียงไกร เม่นคล้าย ,Den Salontoday.

ทีมงานช่างผมและเพื่อนๆ ในกลุ่มมากกว่า 20 ชีวิต ได้เดินมุ่งหน้าขึ้น ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ อำเภออุ้มฝาง จังหวัดตาก เพื่อมอบทุนการศึกษา ทาสีอาคาร และซ่อมแซ่ม เลี้ยงอาหารกลางวันนักเรียนใน ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ ซึ่งที ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา บ้านกุ๊ยต๊ะ มีครูเพียงท่านเดียวคือครูวรรณวิษา ศิริวรรณ และผู้ช่วย คุณชัยพรและนักเรียนชั้นเรียนประฌมศึกษาที่1-6 รวม 48 คน ทางคุณครูได้แจ้งของที่ต้องการมี อุปกรณ์ทำความสะอาด ชุดเครื่องครัว และ ทีวีสองเครื่องเพื่อใช้ในการสอน

ทางโครงการได้รับการสนับสนุนจากทาง บริษัทห้างร้านต่างๆ มีเจ้าภาพร่วมสนับสนุนงานสงเคราะห์ในถิ่นทุรกันดาร สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โรงงานเส้นก๋วยเตี๋ยวพงศ์ชัยฟู๊ด 30 โล , บริษัทไฮกรีตโปปรดักส์ แอนเทคโนโลยี จำกัด มอบสีทาอาคาร 10 ถัง, ซ้อมลชลบุรีบิวตี้ และอีกหลานท่านที่ไม่ได้กล่าว

โครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ มีแผนที่จะจัด กิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่อส่วนรวม อย่างนี้เรื่อยๆซึ่งปีหน้ามีแผนไปที่เชียงราย รึภาคอิสาน ในจุดที่ยังขาดแคลน บำเพ็ญประโยชน์อย่างนี้ ตามรอยพ่อเท้าพ่อต่อไปในทุกๆปี

ทางโครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อ ขอขอบคุณผู้ใจบุญที่ได้ร่วมบริจาคเพื่อพัฒนาสังคม และสนับสนุนโครงการ ทางโครงการก้าวเล็กๆตามรอยเท้าพ่อจะสืบสานบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมสืบไป.

บก.จิรวัฒน์ จิณณทองพิมพ์

ศรีสะเกษ – ยายสุดช้ำเก็บออมทั้งชีวิตฝากธนาคารชุมชนบ้านพังเบิกถอนไม่ได้ จนท.อ้างเงินหมด

Our panerai replica are vast and discerning at the same time, both in matters of brands and designs.

Panerai Replica – High Quality UK Fake Panerai Watches.

This fresh line of panerai replica watches for sale available at affordable prices are what you need in your collection.

Looking for the best Replica Watches site 2024 in the world? Buy now High-Quality replica watches for the best price on replicawatches.top website.

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านสร้างพุ่ม หมู่ 9 ต.วังหิน อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนหนึ่งลุกฮือรวมตัวกันเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับทาง นายคำจัด บัลลัง ผู้ใหญ่บ้านบ้านสร้างพุ่ม หมู่ 9 ในฐานะศูนย์ดำรงธรรมหมู่บ้าน เพื่อให้ช่วยเหลือกรณีฝากเงินไว้กับสถาบันการเงินชุมชนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกอยู่กว่า 800-900 คน แล้วไม่สามารถเบิกถอนเงินของตนเองออกมาได้ โดยทางสถาบันการเงินดังกล่าวอ้างว่าเงินหมด ส่งผลทำให้ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกสถาบันทางการเงินดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

นางช้อน เพ็งกระจาด อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 9 ต.วังหิน อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้นำเงินไปเก็บออมฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อหลายสิบปีก่อน ต่อมาสถาบันการเงินชุมชนดังกล่าวได้จัดตั้งขึ้นที่ใกล้บ้าน และมีคนมาชักชวนและตนก็เข้าใจว่าเป็นการฝากธนาคารเหมือนกัน ตนจึงได้ไปเบิกเงินปิดบัญชีจากธนาคารหลักออกมาทั้งหมด เพื่อนำมาฝากเก็บไว้กับสถาบันการเงินชุมชนดังกล่าว เพราะใกล้บ้าน คิดว่าเบิกถอนง่าย ไม่ยุ่งยาก จากนั้นก็ได้เก็บออมฝากเงินเรื่อยมา เดือนละ 300-500 บาท เป็นเงินที่หาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง เคยเบิกถอนไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็ไม่เคยเบิกหรือถอนเลย จนปัจจุบันมีเงินฝากทั้งสิ้นอยู่ที่ 136,965.54 บาท

ต่อมาบ้านตนชำรุด จึงได้นำสมุดบัญชีไปที่สถาบันการเงินชุมชนดังกล่าว เพื่อที่จะเบิกถอนมาซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง จำนวน 5 หมื่นบาท แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีเงินให้ ตนก็งงและรู้สึกตกใจ กลุ้มใจมาก จนนอนไม่หลับเลย และไม่รู้ว่าจะได้เงินของตนคืนหรือไม่ เงินส่วนนี้เป็นเงินเก็บเพื่อหวังว่าจะได้นำมาให้จ่ายและรักษาตัวเองตอนจำเป็น เป็นเงินก้อนเดียวและก้อนสุดท้ายในชีวิต เพราะตนอาศัยอยู่คนเดียวสามีและลูกเสียชีวิตไปหมดแล้ว บ้านที่พักอาศัยก็ผุพัง รอคอยความหวังว่าจะได้เงินตนคืนมาทั้งหมด

ขณะที่ นายวิรัตน์ บัลลัง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 9 ต.วังหิน อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ บอกว่า ตนเป็นประธานกองทุนหมู่บ้าน รับผิดชอบโรงน้ำชุมชน ได้นำเงินรายได้เก็บสะสมและออมเงินมาเรื่อยเป็นเงินจำนวนประมาณกว่า 50,000 บาท จึงได้เงินไปเปิดบัญชีฝากไว้ที่สถาบันการเงินชุมชนแห่งนี้ด้วย เมื่อช่วงปลายปี 2566 ก่อนปีใหม่ 2567 ทางกองทุนมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เพื่อนำมาใช้จ่ายหมุนเวียนในกิจการ จึงเข้าเบิกเงิน แต่เจ้าหน้าที่กลับตอบว่า เบิกไม่ได้ เดี๋ยวถ้าพร้อมให้เบิกจะโทรหาแล้วก็เงียบไปจนถึงวันนี้

ส่วนหลานชายตน ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนชุมชน ทางคณะครูก็ได้มีการช่วยนักเรียนเก็บออมเงินรายวัน วันละ 5-10 บาท รวบรวมเป็นเดือน และนำไปฝากเก็บให้เด็กๆเพื่อเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาในอนาคต ซึ่งทั้งโรงเรียนมีนักเรียนอยู่ทั้งสิ้น 38 คน โดยหลานชายตน มีเงินเก็บกับสถาบันการเงินนี้แล้ว จำนวนกว่า 8,000 บาท รวมเงินออมเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนเป็นจำนวนเงินนับแสนบาท ซึ่งทางโรงเรียนจึงได้รวบรวมสมุดบัญชีเงินฝาก เพื่อจะได้เบิกเงินมาคืนให้กับเด็กนักเรียน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเบิกเงินได้ โดยแจ้งว่าถ้ามีเงินเมื่อไหร่จะโทรหา

อยากฝากถึงกองทุนหรือสถาบันการเงินชุมชนดังกล่าวว่า ทำไมเงินที่พวกตนนำไปฝากเป็นเงินพวกตนแท้ๆ ทำไมถึงไม่สามารถเบิกเงินมาใช้จ่ายได้ และขอให้รีบแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน เพราะพวกตนไม่ได้ไปร้องขอกู้เงิน แต่พวกตนไปเบิกถอนเงินที่นำไปฝากไว้ ตอนนี้พวกตนเดือดร้อนมาก ต้องการเงินมาใช้จ่ายหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน เด็กนักเรียนก็จำเป็นต้องใช้เป็นทุนการศึกษา และซื้ออุปกรณ์การเรียน ทุกคนต้องการเงินที่สะสมไว้ เพราะเป็นเงินเก็บออม บางคนต้องอดกินขนม เพื่อให้ได้เงินออมมากๆแข่งกันออม

ด้าน นายคำจัด บัลลัง ผู้ใหญ่บ้านบ้านสร้างพุ่ม หมู่ 9 เปิดเผยว่า ปัญหาดังกล่าวมีพี่น้องชาวบ้านในหมู่บ้านที่เดือดร้อนจาการเบิกถอนเงินจากสถาบันการเงินชุมชนแห่งหนึ่งไม่ได้ เลยพากันมารวมตัวร้องทุกข์ ตนในนามผู้นำหมู่บ้านได้มองเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน เลยได้รับเรื่องไว้ เพื่อช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาดูแลช่วยเหลือ โดยเฉพาะคุณยายช้อน ที่มีเงินฝากกับสถาบันการเงินชุมชนแห่งนี้ เป็นเงินกว่า 1 แสนบาท แต่กลับเบิกถอนเงินตนเองไม่ได้ ตนเห็นแล้วก็สงสารคุณยาย เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตของคุณยาย

เบื้องต้นมีชาวบ้านมาร้องทุกข์กับตนเป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน ประมาณ 4-5 ราย เป็นเด็กนักเรียน อีก 5 ราย ซึ่งแต่ละคนที่มาร้องทุกข์ ปัญหาหลักคือเบิกถอนเงินออกมาไม่ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่อ้างว่า เงินไม่มี เงินไม่เข้า รอไปก่อน เดี๋ยวจะทยอยจ่าย ทยอยหาให้ ซึ่งตอนนี้ตนได้รับเรื่องร้องทุกไว้แล้ว เพื่อเตรียมหาแนวทางแก้ไข และเข้าไปพูดคุยกับทางสถาบันการเงินชุมชนดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาให้ชาวบ้านต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านอีกหลายหมู่บ้าน และโรงเรียนหลายแห่ง ที่เป็นสมาชิกสถาบันการเงินดังกล่าว อีกหลายร้อยราย ก็ประสบปัญหาไม่สามารถเบิกถอนเงินได้เช่นกัน.

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน

อุดรธานี – “แม่แรงงานห่วงลูก” ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสที่อิสราเอลเพื่อนร่วมงานวีดีโอคอลเผยวินาทีถูกยิง

จากกรณีที่มีแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ถูกกลุ่มฮามาส บุกโจมตี ทางรัฐบาลอิสราเอลได้ตอบโต้ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก มีแรงงานไทยหลายคนถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 8 ตุลาคม ว่าที่ร้อยโท อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เดินทางไป เยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวนายมาโนช สีทอง อายุ 31 ปี หนุ่มแรงงานไทย คนที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่แก้ม ที่ประเทศอิสราเอล ที่บ้านเลขที่ 219/1 บ้านสุขสำราญ หมู่ 21 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อสอบถามข้อมูลพร้อมแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ และชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับตามกฎหมายให้แก่ญาติทราบ โดยแรงงานไทยคนนี้เดินทางไปทำงานถูกต้องตามระเบียบจัดหางาน พบนางมนเทียร สีทอง อายุ 49 ปี แม่ของนายมาโนช หลังทราบเรื่องร่ำไห้ และจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองลูกชายและคนงานในอิสราเอล พร้อมกับกล่าวว่า ตนมีลูก 2 คน นายมาโนชไปทำงานประเทศอิสราเอลได้ 5 ปีกว่าแล้ว ส่งเงินมาให้ตลอด มีความเป็นอยู่ที่ดี งานหนักก็อดทนเอา เพราะได้ไปแล้ว ซึ่งจะติดต่อกันตลอด และช่วงก่อนหน้านี้ที่เคยมีเรื่องการรบกันคน จ.หนองบัวลำภู เสียชีวิต ตนก็ได้บอกลูกชายว่าให้กลับมาบ้าน แต่แต่ลูกชายก็ไม่ยอมบอกว่าไม่เป็นไรจะอดทนเอา เพราะใกล้จะได้กลับแล้ว บ้านหลังนี้ลูกชายก็ส่งเงินมาให้สร้าง

นางมนเทียร ฯ กล่าวต่อไปว่าเมื่อวานนี้มีเพื่อนร่วมงานของลูกชายโทรมาแจ้งข่าวมาว่าให้ทำใจดีๆ ตนจึงถามไป ซึ่งเพื่อนร่วมงานบอกว่านายมาโนช ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ตนก็ได้สอบถามไป ก็ทราบว่าถูกยิงที่บริเวณใบหน้า ตนตกใจมาก จึงให้ลูกสาวมาพูดโทรศัพท์แทน ล่าสุดยังไม่สามารถติดต่อได้ เขาไม่ให้ติดต่อไปเพราะ กลัวจับสัญญาณได้ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทรกลับไปเอง

นางมณเทียร กล่าวต่อไปอีกว่า เพื่อนลูกชายเล่าว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาพักกลางวัน ลูกชายจะมากินข้าวที่แคมป์ ลูกชายเป็นคนขับรถ แล้วเขาจะมองถ้ามีการยิงกัน เขาจะเป็นคนกดสัญญาณ ช่วงลูกชายแหงนมองท้องฟ้าก็ถูกยิง ตามแขนและขา ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนอิสราเอลรวม 5 คน เดิมลูกชายจะทำเรื่องกลับมาพัก แต่นายจ้างให้ต่อสัญญาอีก 1 ปี ซึ่งตามกำหนดจะกลับวันที่ 4 ตุลาคม 2566 แต่เพื่อนทักว่าถ้ากลับไปเกรงจะถูกยึดเงินประกัน ซึ่งกลัวจะไม่ได้เงินจึงได้อยู่ต่อ แล้วมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก่อน

ด้าน น.ส.กัญญารัตน์ สีทอง อายุ 23 ปี น้องสาวของนายมาโนช เปิดเผยว่า เมื่อวานก่อนเกิดเหตุ 10 นาที พี่ชายได้โพสต์ภาพ และเขียนข้อความระบุว่า “สถานการณ์นี้เกือบได้เอากระดูกกลับบ้าน” ในจุดที่พี่ชายทำงาน เมื่อเห็นภาพและข้อความของพี่ชายที่โพสต์รู้สึกตกใจ เพราะพี่ชายไม่เคยเขียนข้อความแบบนี้ แม่จึงโทรไปหาพี่ชาย แต่เป็นเพื่อนร่วมงานรับสาย บอกให้แม่ทำใจดีๆ แล้วบอกว่าพี่ชายถูกยิง อาการล่าสุดนั้นเพื่อนร่วมงานพี่ชายบอกว่าต้องรอล่ามจากทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้ง เพราะเมื่อคืนอาการพี่ชาย 50:50

น.ส.กัญญารัตน์ฯ กล่าวต่อไปว่า นายอำพล หาญประยุทธ ชาวจังหวัดขอนแก่น เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์ วีดีโอคอลเล่ามาว่า ขณะนายจ้างได้พากลับไปเอาพาสปอร์ตและกินข้าว ต้องผ่านถนนใหญ่ พวกตนขับรถเรียบทางรถไฟไป พบหน่วยคอมมานโด ซึ่งพวกเขานึกว่าพวกตนเป็นผู้ก่อการร้าย จึงยิงถล่มใส่รถพวกตน 2 ครั้ง มีเพื่อนร่วมงานถูกยิงเข้าที่ขา ตนจึงร้องให้ทุกคนหมอบลง แต่มาโนชยังไม่ถูกยิง หลังจากนั้นเมื่อรถกำลังวิ่งเข้าทุ่งนา ก็ถูกยิงถล่มอีกครั้ง เหมือนในหนัง มีเฮลิคอปเตอร์ด้านบนและคอมมานโดไล่ยิง จนต้องขับรถซิกแซกหลบไปมา หลังจากนั้นนายมาโนชก็ถูกยิง เพื่อนๆที่มาด้วยกันร้องว่าถูกยิงแล้ว มาโนชก็บอกใจเย็นๆ และมาโนชก็ล้มลง ซึ่งภายในรถมีคนไทยและคนอิสราเอลนั่งกันไป 12 คน ขับรถเข้าไปในหมู่บ้าน ก็ถูกคนในหมู่บ้านยิงใส่ล้อรถอีก2 นัด ตนเห็นนายมาโนชถูกยิงจึงเข้าไปช่วยและจากนั้นเจ้าหน้าที่พาส่งโรงพยาบาล

นายอำพลฯ ได้วีดีโอคอลมาว่าต่อไปว่า ตนพึ่งมาทำงานได้ 1 ปี ยังไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ขณะนี้พวกตนและแรงงานคนอื่นๆได้เข้ามาหลบภัยในบ้านนายจ้าง ได้กินเพียงขนมปังกับน้ำ ส่วนคนที่อยู่ตามแคมป์ก็คงจะขาดแคลน ตนก็ฝากบอกญาติๆที่จ.ขอนแก่น ว่าตอนนี้สบายดีอยู่ในที่ปลอดภัยเกิดเหตุแบบนี้ ตนก็จะดูสถานการณ์ไปก่อนถ้าสงบลงเร็วก็จะอยู่ต่อ ถ้ายังมีเหตุการณ์รุนแรงมากว่านี้ก็จะต้องอพยพ ตามที่ทางหน่วยงานกำหนดให้

ที่มา :https://www.esandailyonline.com/

ขอนแก่น “มิดอุโมงค์” น้ำท่วมจุดกลับรถใต้ทางรถไฟ

ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมอุโมงค์ทางรอดรถไฟ น้ำท่วมเต็มอุโมงค์รถสัญจรผ่านไม่ได้ ชาวบ้านต้องอ้อมไปใช้เส้นทางอื่น สาเหตุเกิดจาก มีการลักลอบตัดสายไฟฟ้าเครื่องสูบน้ำ

4 ต.ค. 66 เทศบาลตำบลท่าพระ ต้องนำแบริเออร์มาปิดบริเวณอุโมงค์ทางรอดรถไฟ บ้านหนองบัวดีหมี-บ้านหนองนิยม ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หลังน้ำได้ท่วมอุโมงค์จนเต็ม ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ หลังจากที่มีฝนตกลงมาต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา น้ำท่วมขังในอุโมงค์ทำให้มีเด็กที่อยู่ในระหว่างปิดภาคเรียน ได้มาเล่นน้ำคลายร้อนในตอนกลางวัน

  นางหลี ขอสงวนนามสกุล ได้เล่าว่า ตนเองอยู่ที่บ้านหนองบัวดีหมี และมีไร่นาและสวนอยู่ที่บ้านหนองนิยม และจะต้องเทียวไปมาทุกวันหลังจากที่น้ำอุโมงค์ทางรอดรถไฟแห่งนี้ มาหลายวัน ตนเองรวมทั้งชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ต่างได้รับวามเดือดร้อนเพาะจะต้องขับรถอ้อมไปหลายกิโลเมตร ซึ่งอุโมงค์แห่งนี้มักจะมีน้ำท่วมบ่อยครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งน้ำจะท่วมประมาณ 30 เซนติเมตร หลังจากนั้นไม่นานก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแต่ในครั้งนี้หนักสุด น้ำได้ท่วมอุโมงค์จะถึงเพดานอุโมงค์ และน้ำยังรู้จะมีการระบายออกไปเมื่อไหร่ตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก อยากให้ทางเจ้าหน้าที่กองบำรุงทางเขตขอนแก่น การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย เนื่องจากชาวบ้านกำลังเดือดร้อนหนัก

จากการตรวจสอบบริเวณเครื่องสูบน้ำ ที่มีการติดตั้งบริเวณด้านบนอุโมงค์พบว่า สายไฟฟ้า มีการถูกตัดออกจนหมดเหลือเพียงปลอดสายไฟฟ้าเท่านั้น โดยทางตำรวจ สภ.ท่าพระ ได้เปิดเผยว่า ที่อุโมงค์ทางรอดรถไฟแห่งนี้มักจะมีคนร้ายเข้ามาแอบตัดสายไฟฟ้าเป็นประจำ เมื่อถูกตัดสายไฟฟ้าไป ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการมาติดตั้งสายไฟใหม่ แต่ครั้งนี้ก็ถูกขโมยไปอีกจนทำให้เครื่องสูบน้ำไม่สามารถทำงานได้ แม้ว่าทางตำรวจสายตรวจจะมีการออกตรวจเป็นประจำ แต่คนร้าย ก็จะใช้ช่วงเวลาที่เผลอมาตัดสายไฟฟ้าทุกครั้ง.

กาฬสินธุ์ ระดับน้ำเขื่อนลำปาวเริ่มลด สสจ.ลุยเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังเตือนโรคมากับน้ำท่วม

สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ เริ่มมีแนวโน้มไปในทางดีที่  ด้านผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เผยล่าสุดระดับน้ำลดลงจากช่วงที่เกินกักเก็บแล้ว 7 ซม.แต่ยังจำเป็นต้องระบายน้ำคงที่วันละ 29  ล้านลบ.ม.เนื่องจากยังมีมวลน้ำยังไหลเข้าต่อเนื่อง  ย้ำเขื่อนลำปาวได้ทำหน้าที่รับน้ำและชะลอน้ำป้องกันอุทกภัยพื้นที่ด้านท้ายได้อย่างดี ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ นำ อสม. ลงพื้นที่เยี่ยมสถานพยาบาล พร้อมเยี่ยมผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง และจ่ายยาสำหรับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น โดยได้ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพและเตือนระวังโรคในช่วงที่เกิดน้ำท่วม

วันที่ 3 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมวลน้ำยังคงไหลเติมเข้าอ่างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ไหลเข้าเพิ่มอีก 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เขื่อนลำปาวมีปริมาณอยู่ที่ 2,050 ล้าน ลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 103.54 เปอร์เซ็นต์ จากความจุระดับกักเก็บ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังเกินระดับกักเก็บอยู่ 70 ลูกบาศก์เมตร

ด้านนายสำรวย  อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ระบุว่า สำหรับสถานการณ์เขื่อนลำปาวล่าสุด มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พบว่าล่าสุดระดับน้ำบริเวณหน้าอ่างเริ่มลดลง โดยเมื่อวานนี้ 2 ตุลาคม 2566 ระดับน้ำลดลง 2 ซม. และวันนี้ลดลงอีก 5 ซม.รวม 2 วันระดับน้ำลดลง 7 ซม.จากเดิมระดับน้ำสูงที่ 164.29 ม.รทก.ปัจจุบันอยู่ที่ 164.22 ม.รทก.ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี ทั้งนี้แต่เนื่องจากยังมีมวลน้ำไหลเข้ามาในอ่างเพิ่มต่อเนื่อง ทำให้ยังมีความจำเป็นที่ต้องระบายน้ำ เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน โดยวันนี้ระบายอยู่ที่ 29.55 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ไปจนกว่าจะเข้าสู่เกณฑ์ปกติ

นายสำรวย  กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาวในปีนี้ มีน้ำไหลเข้าอ่างในปริมาณมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าต่อวันจำนวนมาก บางวันละไหลเข้า 80 ล้าน 50 ล้าน และ 30 ล้าน ซึ่งทางเขื่อนได้ระบายสูงสุดอยู่ที่ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะเห็นได้ว่าเขื่อนลำปาวได้ทำหน้าที่ในการรองรับ กักเก็บ และชะลอมวลน้ำจำนวนมหาศาลไว้ เพื่อน้ำป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ท้ายน้ำได้อย่างดี

ขณะที่มีรายงานว่า นพ.พรพัฒน์ ภูนากลม นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ดร.สม นาสอ้าน นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นายศิริศักดิ์ บุญไชยแสน สาธารณสุขอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ สสจ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายสุเทพ ชัยรัตน์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่บ้านท่าสีดา ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์  จ.กาฬสินธุ์

นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ย้ายจาก รพ.สต.บ้านดอนยานาง เนื่องจากน้ำท่วมมายังวัดสว่างโพธิ์ทองบ้านดอนยานาง ต.ดงสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อตั้งจัดปฐมพยาบาลและดูแลประชาชนชั่วคราว โดยมี นายแพทย์วรวิทย์ เจริญพร ผู้อำนวยการ รพ.ยางตลาด  ดร.จักราวุฒิ วงษ์ภักดี สาธารณสุขอำเภอเมืองยางตลาด และได้เดินทางเข้าสำรวจพื้นที่ รพ.สต.บ้านดอนยานาง ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

โดยสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ได้สนับสนุน ยาและเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แก่โรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอที่ได้รับผลกระทบรวมถึงได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ออกเยี่ยมประชาชนทันทีที่เกิดภาวะน้ำท่วม ได้จ่ายยาสำหรับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น เยี่ยมดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง โดยได้ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพในช่วงที่เกิดน้ำท่วม

นพ.พรพัฒน์ ภูนากลม กล่าวว่า สำนักงานสาธารณจังหวัด ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมอบหมายให้หน่วยงานและฝ่ายที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมยาและเวชภัณฑ์ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพื้นที่น้ำท่วม

นพ.พรพัฒน์ กล่าวต่อว่า สถานพยาบาลทุกแห่งเปิดให้บริการได้ตามปกติ ได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชน เยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูง ไม่ให้ขาดยา เพื่อเตรียมให้การช่วยเหลือ และขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ พร้อมทั้งเฝ้าระวังและป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วม 3 กลุ่ม ทั้งพื้นที่น้ำท่วมและหลังน้ำลด คือ 1.อุบัติเหตุ เช่นจมน้ำ ไฟฟ้าดูด วัตถุแหลมคม

โดยเน้นให้ความรู้ประชาชนหลีกเลี่ยงการลุยน้ำย่ำโคลน หากจำเป็นให้สวมรองเท้าบูท ถึงบ้านแล้วให้อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด รับประทานอาหารสุกร้อน ล้างมือก่อนรับประทานอาหารหรือหลังเข้าห้องน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร หากมีอาการเจ็บป่วยทางเดินหายใจให้สวมหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน 2.สัตว์ แมลงมีพิษกัดต่อย เช่น งู แมลง ปลิง เป็นต้น และ 3.กลุ่มโรคติดเชื้อ ได้แก่ โรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนังจากเชื้อรา โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ และโรคไข้ฉี่หนู หรือเลปโตสไปโรซิส  ทั้งนี้ หากประชาชนได้เจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรแจ้งสายด่วนศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัดกาฬสินธุ์ โทร. 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

ที่มา : https://www.esandailyonline.com

กาฬสินธุ์ – แฉยับยักยอกเงินชาวบ้าน 30 ล้านใช้เครื่องพิมพ์ดีดปรับสมุดบัญชี

กาฬสินธุ์แฉยับยักยอกเงินชาวบ้าน 30 ล้านใช้เครื่องพิมพ์ดีดปรับสมุดบัญชี

คณะกรรมการกองทุนเงินล้านและสมาชิก กทบ.ในอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ 38 กองทุน กว่า 6,800 คน ตบเท้าแฉพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินที่ยักยอกเงินกู้เกือบ 30 ล้าน ใช้เครื่องพิมพ์ดีดปรับสมุดบัญชีตบตา อ้างเงินเข้าระบบ รอเบิก ก่อนล่องหนทั้งคนทั้งเงิน ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เผย ได้รับแจ้งจากออมสินสาขาใหญ่เตรียมเยียวยาชาวบ้านลูกหนี้ กทบ.แล้ว

จากกรณีชาวบ้าน สมาชิกกองทุนเงินล้าน หรือ กทบ. จำนวน 38 กองทุน สมาชิก 6,840 คน กำลังได้รับความเดือดร้อน หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน สาขากุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ที่รับผิดชอบกองทุนเงินล้าน หรือ กทบ.ยักยอกเงินกู้เกือบ 30 ล้านบาท ล่าสุดผู้บริหารธนาคารออมสิน ระดับภาคจากขอนแก่น ลงพื้นที่รับฟังปัญหา ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหา จากผู้บริหารสถาบันการเงินดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่ชัดเจน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 1 กันยายน 2566 บรรยากาศตามที่ทำการกองทุนเงินล้าน หรือ กทบ.ในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ คณะกรรมการกองทุนและสมาชิก กทบ. ยังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิด เพราะตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนมาตั้งแต่ปี 2544 สมาชิกกองทุนได้นำเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำ จาก กทบ.มาประกอบอาชีพ หมุนเวียนในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะซื้อปุ๋ยบำรุงต้นข้าวที่กำลังเจริญงอกงามในแปลงนา แต่ปีนี้กลับสะดุด เพราะเงินที่ยื่นกู้กับกองทุนคนละหมื่นสองหมื่น ถูกเจ้าหน้าที่ยักยอกไป จึงไม่มีเงินซื้อปุ๋ยเคมี และหมุนเวียนในการประกอบอาชีพค้าขาย ต่างได้รับความเดือดร้อนไปตามๆกัน

นายอนันต์ แย้มสมัย ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองแข้หมู่ 15 ในฐานะประธาน กทบ.หนองแข้ หมู่ 15 ต.จุมจัง อ.กุฉินารายณ์ กล่าวว่า ก่อนทราบเรื่องเงินถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารยักยอกไป ตนพร้อมคณะกรรมการ กทบ.ได้นำสมุดบัญชีเงินฝากกองทุนหมู่บ้านเข้ามาตรวจสอบเมื่อในวันที่ 11 ส.ค.66 ที่ผ่านมา พบว่าเงินในกองทุนหมู่บ้านหนองแข้ หมู่ 15 ที่มีการฝากไว้ 180,000 กว่าบาทเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เหลือเงินในบัญชีเพียง 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจและสงสัยว่า ทำไมเงินที่ฝากไว้หายไป จึงสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ได้คำตอบว่า ที่ชาวบ้านนำเงินมาฝากกับพนักงานคนดังกล่าวที่ยักยอกเงินไปนั้น ไม่ใช่พนักงานของทางธนาคาร แต่เป็นเพียงแม่บ้านของธนาคาร ทำให้ชาวบ้านรู้สึกมึนงง ว่าทำไมที่ผ่านมาเวลาชาวบ้านนำเงินกองทุนไปนำฝากกับทางธนาคาร เจ้าหน้าที่ทางธนาคารจึงให้นำเงินและเอกสารไปยื่นกับแม่บ้านคนนี้ เพื่อตรวจสอบเงินและเอกสาร แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมากับบอกว่าแม่บ้านไม่ใช่พนักงานของทางธนาคาร ทั้งที่ทุกครั้งที่นำเงินไปฝากก็ต้องเอาเอกสารพร้อมกับเงินไปให้แม่บ้านคนนี้ตรวจสอบเหตุ

นายอนันต์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการตรวจดูรายการปรับสมุดบัญชี กทบ.ของแต่ละหมู่บ้านยังพบพิรุธ แทนที่จะเป็นรอยพิมพ์จากเครื่องคอมพิวเตอร์เหมือนปีที่ผ่านมา กลับพบว่าตัวเลขในบัญชีพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด จึงชี้ชัดได้ว่าคนที่ยักยอกเงินไป ใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์จำนวนเงินโอนเข้าเพื่อตบตาชาวบ้าน และให้ตายใจว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว และให้รอเบิกทีหลัง เพราะตอนนี้เงินในธนาคารยังไม่พอ พฤติกรรมดังกล่าวจึงเชื่อว่าทำเป็นขบวนการ คนๆเดียวคงทำไม่ได้แน่นอน

ด้านนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะคณะอนุกรรมการติดตามและสนับสนุน กทบ.ระดับจังหวัด ทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ธนาคารดังกล่าว ยักยอกเงินเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 ที่ผ่านมา จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กับผู้จัดการธนาคารออมสินสาขากุฉินารายณ์ ทราบว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เบื้องต้นได้แนะนำประธาน กทบ.หารือกับทางสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ หรือ สทบ. สาขา 4 (จ.ร้อยเอ็ด) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ด้วย ทั้งนี้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ขณะที่นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้รับการรายงานจากนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ และได้รับการประสานจากผู้บริหารธนาคารออมสินส่วนกลางแล้วว่า จะมีการติดตาม สอบสวน หาผู้กระทำผิดลงโทษตามกฎหมาย ในส่วนความเสียหายต่างๆ ทางธนาคารก็จะเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบตามหลักสุจริต ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าทางธนาคารออมสินสาขาใหญ่และออมสินเขตขอนแก่น ก็จะเดินทางมาพบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ยังได้กำชับพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ ได้ทำความเข้าใจกับพี่น้อง ประชาชนและกรรมการ ที่มีการรวมตัวกันในลักษณะกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ สหกรณ์ต่างๆ ได้ร่วมกันสอดส่อง กำกับดูแล เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก

บึงกาฬ – ยายอัลไซเมอร์เฝ้าร่างสามีเสียชีวิตนาน 4 วัน

เมื่อเวลา 08:50 น.วันที่ 31 ส.ค.66 พ.ต.ต. วิษณุชัย คารมย์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ จว.บึงกาฬได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ที่บ้านเลขที่ 139 บ้านหนองตอ ต.นาสวรรค์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงได้ประสานแพทษืเวร รพ.บึงกาฬ และหน่วยกู้ภัยนทีธรรม สมาคมกู้ภัยนทีธรรม จ.บึงกาฬเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่บริเวณหลังบ้าน สภาพร่างผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าไม่สวมใส่เสื้อผ้าทราบชื่อต่อมาคือ นาย เคียงฮี สัจจามั่นมงคล อายุ 60-70 ปี เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน และข้างกันพบคุณยายทราบชื่อ นางสมศรี ทิพย์มา อายุ 62 ปี เป็นภรรยาของคุณตาและป่วยติดเตียงและยังเป็นโรคอัลไซเมอร์นั่งเฝ้านอนเฝ้าคุณตาไม่ห่างถึงแม้จะไม่ทราบว่าสามีเสียชีวิต

ชาวบ้านเล่าว่า ตาและยายอาศัยอยู่ในบ้านตามลำพังทั้งสองมีลูกชาย 2 คน แต่ไปทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด แต่มีชาวบ้านบริเวณนั้นคอยช่วยกันดูแลส่งข้าวส่งน้ำให้ทั้งคู่ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาชาวบ้านบอกว่าได้พบคุณตาเป็นครั้งสุดท้ายและไม่ออกมาจากบ้านอีกเลย จนมีกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณและมีชาวบ้านเข้าไปตรวจสอบก่อนพบว่าคุณยายนั่งเฝ้าร่างคุณตาที่นอนเสียชีวิต
แพทย์ชันสูตรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ร้อยเวร) เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและแจ้งสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากโรคประจำตัว
หน่วยกู้ภัยนทีธรรมได้ทำการห่อร่างผู้เสียชีวิตและมอบหีบศพจำนวน 1 ใบ ก่อนนำส่งร่างผู้เสียชีวิตไปยังวัดป่าหนองนกเขียน เพื่อให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

ปวิณชัย บุญพิเชฐ บึงกาฬ

กาฬสินธุ์-เหม็นขี้หมูกับหนี้ก้อนโต ทนายยุติธรรมเตรียมยื่นมือช่วยผู้เลี้ยงหมู

เหม็นขี้หมูกับหนี้ก้อนโต ทนายยุติธรรมเตรียมยื่นมือช่วยผู้เลี้ยงหมู ระบุเอกชนต้องร่วมแก้ไขเพราะหนี้ก้อนโต

ผลกระทบจากฟาร์มเลี้ยงหมูเอกชน บ่อเกิดกลิ่นเหม็นรบกวนชุมชนจนเป็นโรคปวดหัวปวดประสาท ไปรอบทิศทาง ส่งกลิ่นเหม็นลามเป็นไฟลามทุ่ง ล่าสุด! ทนายความประจำสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ สะกิดต้นตอปัญหามาจากนายทุน “ปกปิด” ข้อเท็จจริง ชวนชาวบ้านร่วมลงทุนกู้เงิน ธกส. จนเป็นเหยื่อ ในรูปแบบ “เกษตรพันธสัญญา” ในฐานะผู้รับจ้างเลี้ยง แต่ “สภาพจริง” รับภาระหนี้ก้อนโต ชี้เป็นพิรุธ ขอความร่วมมือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเชิงลึกในสัญญา ก่อนที่ชาวบ้านจะรับภาระหนี้เพิ่มมากกว่านี้

จากกรณีชาวบ้านใน ต.สหัสขันธ์ และต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของขี้หมู ที่โชยออกมาจากฟาร์มเลี้ยงหมูเอกชน 16 ฟาร์ม โดยมีผลกระทบจากมลภาวะเป็นพิษทางอากาศ ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย ปวดหัวปวดประสาทและเจ็บป่วยด้วยโรคทางลมหายใจ เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรีบแก้ไข ขณะที่นายอำเภอสหัสขันธ์เรียกทุกภาคส่วน ร่วมประชุมหาทางออก เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบภายใน 2 เดือน และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่สำนักงานกฎหมาย บ้านทนายความกาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ แสงสิริวัฒนะ ทนายความประจำสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ 2 ส่วน ทั้งส่วนตัวเกษตรกรพันธสัญญาและชาวบ้านในชุมชน อย่างไรก็ตาม ในการทำสัญญาระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง หรือระบบเกษตรพันธสัญญานั้น เอกชนที่จะทำสัญญากับชาวบ้านจะต้องนำร่างสัญญามาให้สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำการพิจารณากลั่นกรอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร

นายสุวิทย์กล่าวอีกว่า จากปัญหาฟาร์มเลี้ยงหมูของเอกชน ส่งกลิ่นเหม็นเป็นมลพิษทางอากาศ ในพื้นที่ ต.สหัสขันธ์ และ ต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งหลายภาคส่วนตามที่ทราบกันดี คือฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ท้องที่ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีความพยายามเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นระยะนั้น รวมทั้งในส่วนการติดตั้งม่านน้ำ ใช้สารจุลินทรีย์ดับกลิ่น และจัดทำบ่อบำบัดใหม่ เป็นภาระของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั้งนั้น และยังจะต้องไปขอกู้เงินเพิ่มจาก ธกส.อีกด้วย โดยส่วนตัวมองว่าชาวบ้านหรือเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ที่รู้ๆกันโดยทั่วไปว่าในฐานะ “ผู้รับจ้างเลี้ยง” ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตามความหมายผู้รับจ้างเลี้ยงนั้น ไม่ใช้ผู้ที่จะต้องออกค่าดำเนินการใดๆในขณะที่มีสถานะเป็นผู้รับจ้างเลี้ยง

นายสุวิทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่พูดแบบไม่ได้เห็นรายละเอียดในสัญญา แต่หากมีระบุในสัญญาจริง เชื่อว่าชาวบ้านที่ร่วมโครงการเลี้ยงหมูคงจะไม่ยินยอม ที่จะเป็นฝ่ายรับภาระในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อย่างที่เกิดขึ้น อีกทั้งเอกชนที่เข้ามาให้การส่งเสริมเลี้ยงหมู ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า การเลี้ยงหมูนั้น จะต้องมีการบริหารจัดการในฟาร์มในขณะเลี้ยงยังไง มีการทำแผนรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน อย่างไร ซึ่งทางบริษัทจะต้องเป็นฝ่ายจัดการเอง โดยมีนักจัดการสิ่งแวดล้อมของบริษัทมากำกับดูแล

“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยฟาร์มหมูมีกลิ่นเหม็น มีชาวบ้านผู้เดือดร้อนร้องเรียน เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องแก้ไขปัญหาเอง เช่น กู้เงินเพิ่มมาทำบ่อบำบัด ตนมองว่าปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น มีพิรุธ บริษัทเอกชนปกปิดชาวบ้านมาตั้งแต่แรก หรือหากมีระบุในสัญญาก็เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคหรือคู่ทำสัญญา ในฐานะทนายความประจำสำนักงานยุติธรรมฯ ที่ไม่อยากเห็นชาวบ้านถูกเอารัดเอาเปรียบ จึงขอความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบเชิงลึกสัญญาตัวนี้ด้วย ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปไกล และชาวบ้านผู้เลี้ยงหมูต้องแบกรับภาระหนี้สินมากกว่านี้ เพราะดูๆแล้วตกเป็นลูกหนี้ ธกส.รายละ 6-7 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องเลี้ยงหมูไปอีกกี่รุ่นกี่ปี ถึงจะปลดหนี้ได้ ทั้งนี้ สำหรับสำเนาคู่ฉบับเกษตรพันธสัญญาตัวนี้ คาดว่าน่าจะอยู่ในหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใดที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” นายสุวิทย์กล่าว

ที่มา : https://www.esandailyonline.com/

ศรีสะเกษ – ชาวบ้านระทม ฝนตก 5 นาที น้ำท่วมหมู่บ้าน 1,600 หลัง เดือดร้อนซ้ำซากไร้การแก้ไข

มื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดพายุฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่หมู่บ้านเคหะชุมชนและบริการชุมชน หมู่ 6 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักนานกว่า 2 ชั่วโมง ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมขังและไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้าน ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่กว่า 1,600 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากท่อระบายน้ำอุดตัน ทำให้น้ำไหลเอ่อท่วมถนนบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน เป็นระยะทางประมาณ 300 เมตร และท่วมชุมชน รถเล็กสัญจรจรลำบาก ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำซากยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

นายสรศักดิ์ ฝากกิจ อายุ 30 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนซื้อบ้านราคาหลังละเกือบ 2 ล้านบาท ปากซอย 39 ซึ่งตรงข้ามกับซอย 1 อยู่มา 2 ปีแล้ว เจอปัญหาเดิมๆซ้ำๆ ทุกครั้งที่เกิดฝนตกหนัก ไม่เกิน 5 นาที น้ำจะไหลมาตามถนนและท่วมเส้นทางเข้าหมู่บ้านเป็นประจำ จากนั้นจะไหลเข้าท่วมบ้านตนข้าวของภายในบ้านเสียหาย ไม่ได้รับการดูแลแก้ไขสักที ซึ่งคาดว่าปัญหาดังวกล่าว น่าจะเกิดจากท่อระบายน้ำเล็กและอุดตัน จึงอยากจะขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านด้วย เพราะเดือดร้อนไม่ใช่แค่ครอบครัวเดียว แต่เดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้าน กว่า 1,600 หลัง เพราะจุดที่น้ำท่วมซ้ำซากนี้ เป็นทางเข้าออกหมู่บ้านเพียงทางเดียว

ด้าน นายพีระพงศ์ หมื่นผ่อง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา เบื้องต้นพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ การเคหะแห่งชาติ ซึ่งตนจะได้เร่งประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านอย่างเร่งด่วนต่อไป.

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน